PEACE พร้อมนำหุ้นเข้าเทรดในกระดาน SET วันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ชูพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เดินหน้าระดมทุนต่อยอดธุรกิจ ผุดโครงการอสังหาฯ แนวราบในสองปีนี้กว่า 3 พันล้านบาท รับดีมานด์พฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี หลังยอดจองซื้อหุ้น IPO ล้นหลาม พร้อมปักธงผลการดำเนินงานเติบโต 3 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า
นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ โดยใช้ชื่อย่อ PEACE และเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพของบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัทที่พร้อมประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในธุรกิจ เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี สร้างการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ หลังจากปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนทั้งสิ้น 84 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ที่ราคาหุ้นละ 3.98 บาท ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีเกินกว่าความคาดหมาย ตอกย้ำถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท รวมถึงสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต เชื่อว่าหุ้น PEACE จะเป็นทั้งหุ้นเติบโต (Growth Stock) และหุ้นปันผล (Dividend Stock) อย่างแน่นอน โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา PEACE สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 35-40% และในอนาคตข้างหน้า จะสร้างการผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรให้เติบโตควบคู่กันไปอีกด้วย
สำหรับแผนการดำเนินงานหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ PEACE วางแผนขยายธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบชั้นนำของไทย ปัจจุบันมีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนา 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,045 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดการขายตั้งแต่ไตรมาส 3/65
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งภายใน 3 ปีข้างหน้า (2565-67) คาดมีรายได้ขายเติบโตเป็น 2 เท่าตัว จากฐานรายได้ขายปี 2564 และค่อยๆ เติบโตเพิ่มเป็น 3 เท่าตัว ภายใน 5 ปีข้างหน้า (2565-69) ถือเป็นการเติบโตตามสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามแนวโน้มเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ภายหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยผู้บริโภคมักการมองหาหรือเลือกที่อยู่อาศัยที่ต้องมาพร้อมความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในทุกมิติ ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตอย่างครบถ้วน และต้องมีฟังก์ชั่นครอบคลุมการใช้งานในราคาจับต้องได้ เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังซื้อที่มีและป้องกันการเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง
********