Our View? ”แกว่งขึ้นต่อ”

คาดตลาดวันน้ี “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,700/1,690 และแนวต้านที่บริเวณ 1,710 / 1,715 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) เริ่มชะลอตัวลงบ้าง โดยเช้านี้รุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 1.9363% (-0.54%) บ่งชี้ตลาดรับรู้ Price-In การที่นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 0.50% ในการประชุม FOMC ในเดือน มี.ค. นี้ ตามท่ี CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ที่ระดับ 75.0% และ 0.50% ที่ระดับ 25.0%

อย่างไรก็ตาม เราคาดตลาดยังรอดูการรายงานตัวเลข CPI เดือน ม.ค. ของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพื่อประเมิน Action ของ FED ในการประชุม FOMC ในเดือน มี.ค. น้ี โดยตลาดคาดว่า CPI เดือน ม.ค. จะออกมาสูงถึง 7.3% เร่งตัวข้ึนต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 40 ปี หากออกมามากกว่าท่ีตลาดคาด อาจกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวผันผวนได้

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบแคบ ปิดที่ระดับ 89.66 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.30 ดอลลาร์ (+0.34%) ได้แรงหนุนระยะสั้นจากการที่ EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล สวนทางจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 แสนบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เราคาดการที่คณะบริหารของ ปธน.โจ ไบเดน ได้ยกเลิกสถานะคว่ำบาตรของอิหร่าน เรามองเป็นการส่งสัญญาณเตรียมอนุญาตให้อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบได้ในระยะถัดไป คาดจะกดดันราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นชปีนี้ซื้อไปแล้วกว่า 4.37 หมื่นล้านบาท แม้จะเผชิญความกังวลจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED ก็ตาม เราคาดจะยังหนุนหุ้นในกลุ่ม BIG Cap. ปรับตัวขึ้นได้ต่อ

สำหรับการประชุม กนง. เมื่อวานนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเอกฉันท์ที่ระดับ 0.50% ประเมินเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวข้ึนต่อเนื่อง ความเสี่ยงด้านต่ำต่อเศรษฐกิจโดยรวมลดลง ขณะที่ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการกังวลภาวะเงินเฟ้อในประเทศ มองเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น และมองว่าโดยรวมทั้งปียังต่ำกว่าระดับ 3.0% ทำให้เราคาด กนง. จะยังไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เราคาดว่าความเป็นไปได้ที่ กนง. จะข้ึนดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดอาจจะอยู่ในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า คาดไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ TTB) ที่คาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเริ่มเป็นแรงหนุนให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้อีกคร้ัง รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมทั้งการต้ัง ECL ท่ีคาดจะเร่ิมปรับลดลงตั้งแต่ในช่วง 1Q’65 ในส่วนของหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม (AOT, AWC, CENTEL, ERW และ MINT) คาดจะมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลอนุมัติการกลับมาเปิดใช้มาตรการ Test & Go อีกคร้ังในวันที่ 1 ก.พ. นี้ รวมทั้ง Bloomberg จัดอันดับ The Covid Resilience Ranking ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่รับมือกับ COVID-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับท่ี 26 จาก 53 ประเทศ จากเดิมท่ีอยู่ท่ีอันดับ 44 ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ธ.ค. ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องอยู่ท่ีระดับ 2.3 แสนรายแล้ว ขณะที่คาดว่าหุ้นในกลุ่มค้าปลีกเริ่มกลับมามีความน่าสนใจข้ึนอีกครั้ง จาก Valuation ที่น่าสนใจจากการที่ EV/ Forward EBIDA อยู่ท่ีระดับ 13.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ระดับ 17.3 เท่า

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “MAKRO”

แนวรับ 40.50 / 39.50 Target 43.50 / 46.50 Stop <38.50

- Advertisement -