KS Daily View 11.02.2022 >>> ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ พุ่ง 7.5% สูงกว่าคาดและสูงสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลตลาดคาด Fed Hawkish มากขึ้น/คงแนะนำหุ้นกลุ่ม Quality, Value, Dividend และบริหารจัดการความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนมากขึ้น/ SET คาด 1685-90 หุ้นแนะนำ BLA
ตลาดต่างประเทศ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 -1.81% และดัชนี Nasdaq -2.10% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสูงกว่าการคาดและจะผลักดันให้ Fed เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันมากขึ้นหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ได้ส่งสัญญาณสนับสนุนให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ภายในเดือนก.ค.นี้
ตัวเลขเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดและสูงต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค. ที่ระดับ 7.0% โดยถือเป็นการขึ้นที่ค่อนข้าง Board base ไม่ได้ขึ้นเฉพาะ Energy price (Natural gas +81%, Oil +66%) เท่านั้น โดยรถยนต์มือสองยังปรับตัวขึ้นสูง +45%, ราคากาแฟ +92% และราคาที่พักโรงแรม +37% หลังรายงานตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง ขณะที่ Bond Yield ปรับตัวขึ้นโดยอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นแรงกว่าอายุ 10 ปี ขึ้นมาอยู่แถวระดับ 1.6% และ 2.03% ตามลำดับ ทั้งนี้ Goldman Sachs ปรับเพิ่มคาดการณ์ Bond Yield สหรัฐอายุ 10 ปี สู่ระดับ 2.25% ภายในปลายปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 2% ส่งผลให้ส่วนต่าง 2-10 spread แคบลงอีกครั้งแสดงถึงแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวเร็วขึ้น
FedWatch Tool ของ CME Group ล่าสุดบ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 85% ที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่เคยให้น้ำหนักเพียง 14% เท่านั้นในสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้นักลงทุนยังเริ่มปรับการขึ้นดอกเบี้ยทั้งปีนี้เป็น 6 ครั้ง (การประชุมมี.ค.ขึ้น 50 bps และที่เหลืออีก 5 ครั้งครั้งละ 25 bps) ซึ่งหากเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์จริงจะถือว่า Fed หันมาดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นจากปลายปีที่แล้วมาก เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังพุ่งสูงต่อเนื่องในขณะนี้ ส่งผลกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโตสูงต่อเนื่องและอาจรวมไปถึงตลาดหุ้นโดยรวมและการเติบโตเศรษฐกิจหากการดำเนินนโยบาย Hawkish เร็และแรงจนเศรษฐกิจรับไม่ไหว
ดัชนีวัดความผันผวน VIX index ล่าสุดปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 24.5 จุดซึ่งสูงกว่า 20 จุดแสดงถึงตลาดผันผวนสูง ขณะที่ดัชนี Fear & Greed index ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 37 จุด ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 จุดแสดงถึงนักลงทุนกลัวต่อการลงทุนถือเป็นสภาวะที่นักลงทุนสาย momentum ต้องระมัดระวังมากขึ้น.
ภาพการลงทุนเรามองการบริหารจัดการความเสี่ยงและการกระจายการลงทุนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง คงคำแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่ม Quality, Value และDividend ที่คาดว่าจะสามารถทนทานต่อสถาณการณ์ปัจจุบันได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มเติบโตสูงแต่ระดับมูลค่าแพง ทั้งนี้แนะนำให้มีการเพิ่มเงินสดเพิ่มขึ้นหรือกระจายลงทุนไปสินทรัพย์อื่นเพิ่มเติมเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1685-90 หุ้นแนะนำ BLA
Top pick:
- BLA (ราคาพื้นฐาน 56.00 บาท) เราคาดจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ที่ 1.17 พันลบ. (ลดลง 1% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 614% YoY) หนุนโดย combined ratio ที่ลดลงและกำไรจากการลงทุนโดยคาดว่า EV และ VNB ได้แตะจุดต่ำสุดในปี 2562-63 และจะทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปีในปี 2564-66 รวมถึงโอการในการ rerating ขึ้นเมื่อดูจากในอดีตเมื่อผลตอบแทนพันธบัตร>2% BLA มักซื้อขายอิง PBV ที่สูงกว่า 2 เท่าเสมอ เทียบ PBV ปัจจุบันที่ 1.45 เท่า.
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Loan growth ของจีนเดือน ม.ค. คาด +11.9% YoY ยอดขายรถยนต์ของจีนเดือน ม.ค. คาด -0.7% YoY ตัวเลข GDP 4Q21 ของอังกฤษคาด +1.1% QoQ และ +6.5% YoY รายงานภาวะตลาดน้ำมันเดือน ม.ค. ของ IEA ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment เดือน ม.ค. คาด 67.5 จุด (+0.4% MoM) และรายงาน Fed monetary policy report ที่เสนอต่อสภาคองเกรส