Our View? ”รับแรงกระแทก”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,695 / 1,685 และแนวต้านที่บริเวณ 1,710 / 1,715 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ หลังเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลข CPI เดือน ม.ค. ออกมา +7.5% YoY มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +7.3% สูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับ 2.23 แสนราย เป็นปัจจัยเร่งการคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ให้เร็วกว่าตลาดคาดไว้ก่อนหน้า โดยล่าสุด CME FED Watch Tools สะท้อนนักลงทุนคาดการณ์ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. น้ี 0.50% ที่โอกาสราว 80.0% เร่งตัวจากช่วงก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับเพียง 20.0-30.0% ขณะที่คาดว่าในช่วงเดือน มิ.ย. ดอกเบี้ยสหรัฐจะข้ึนไปสูงข้ึน 1.25% สะท้อนความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นแรง-ต่อเนื่องของเงินเฟ้อสหรัฐที่มีต่อตลาดทุน

อีกทั้งเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) กลับมาเร่งตัวข้ึนแรงอีกคร้ัง โดยเช้านี้รุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 2.0346% (+5.50%) มองการเร่งตัวขึ้นเร็วเกินไปยังคงเป็นปัจจัยกดดันส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยง/สินทรัพย์ปลอดภัย (Earning Yield Gap) แคบเร็วจำกัด Upside ของตลาด กดดันการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามเราไม่ได้เห็นภาพดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) เร่งตัวขึ้นเร็วหลังการรายงานตัวเลขดังกล่าว ซึ่งทำให้เราคาดว่าตลาดในภูมิภาคอาจจะได้รับแรงกดดันน้อยกว่าตลาดสหรัฐ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนนี้ผันผวนออกด้านข้าง ปิดที่ระดับ 89.88 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.22 ดอลลาร์ (+0.25%) ยังคงได้แรงหนุนระยะสั้นจากการท่ี EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล สวนทางจากท่ีตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 แสนบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐท่ีแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เราคาดการที่คณะบริหารของ ปธน.โจ ไบเดน ได้ยกเลิกสถานะคว่ำบาตรของอิหร่าน เรามองเป็นการส่งสัญัญาณเตรียมอนุญาตให้อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบได้ในระยะถัดไป คาดจะกดดันราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีนี้ซื้อไปแล้วกว้า 5.21 หมื่นล้านบาท แม้จะเผชิญความกังวลจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED ก็ตาม เราคาดจะยังหนุนหุ้นในกลุ่ม BIG Cap. ปรับตัวขึ้นได้ต่อ เราแนะนำให้ติดตามตัวเลขสถานะคงค้างในตัว SET50 Index Futures โดยล่าสุดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 5.43 แสนสัญญา หากตัวเลขดังกล่าวเริ่มลดลง จะเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขายทำกำไรของตลาดหุ้นไทยได้

ในส่วนของการที่ ททท. ออกมาคาดการณ์ภาคการท่องเที่ยวไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะสามารถฟื้นตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมท้ังรัฐบาลตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติท่ีระดับ 10 ล้านคนในปี’65 สูงกว่าที่เราและตลาดคาดที่ราว 6 ล้านคน คาดจะกระตุ้นแรงเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม โรงแรม (AOT, AWC, CENTEL, ERW และ MINT) เพิ่มเติม Valuation ในปัจจุบัน EV/Forward EBIDA อยู่ท่ีระดับ 18.75 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ระดับ 56.13 เท่า อีกทั้งเราคาดว่าหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL) จะเริ่มกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้งหลัง Valuation ในปัจจุบัน Price/Sale อยู่ที่ระดับ 0.84 เท่า หรืออยู่ที่บริเวณ -3 S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ระดับ 1.2 เท่า

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “MAKRO” (ต่อ)

แนวรับ 40.25 / 39.25 Target 43.50 / 46.50 Stop <38.50

- Advertisement -