บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Osotspa (OSP) กําไรจะกลับมาเป็น new high

TP Revision

ประเด็นการลงทุน

เราเชื่อว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วโดยเริ่มฟื้นตัวใน 4Q64 แม้เรามีการปรับประมาณการลงสะท้อนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่กำไรปีนี้ยังเติบโตได้ในเกณฑ์ดีและเป็น new high เป็นผลมาจากการอุปโภคบริโภคฟื้นตัว การออกสินค้าใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และโครงการลดต้นทุนผลการดำเนินงานในเมียนมาร์ แนวโน้มฟื้นตัว อีกทั้งมีการเปิดโรงงานผลิตขวดแก้ว หุ้นซื้อขายที่ 27 เท่า ซึ่งเป็นระดับ PE -1.5 SD แนะนำ ซื้อ OSP ราคาเป้าหมายใหม่ (DCF) 41 บาท จากเดิม 45 บาท

คาดการณ์กำไร 4Q64 ฟื้นตัวดีจากยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น

คาดกำไร 4Q64 ลดลง 6% YoY แต่ฟื้นตัว 38% QoQ เป็น 802 ล้านบาทจากการเปิดเมือง ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศฟื้นตัว ส่วนยอดขายต่างประเทศยังชะลอ เนื่องจากสถานการณ์ในเมียนมาร์ยังไม่ปกติ อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นขึ้น 100 bps QoQ เป็น 34.5%ตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งโครงการ Fit Fast Firm ช่วยประหยัดต้นทุน ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดว่าเพิ่มขึ้นจาก C-vitt เติบโต และคาดธุรกิจขวดแก้วในเมียนมาร์มีกำไรจากการแปลงค่าเงินกู้สกุลดอลล่าร์จากการที่เงินจัดแข็งค่าขึ้น คาดเงินปันผล 2H64 ที่ 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 1.2%

Fast Forward 10x ลดผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

เราปรับประมาณการปี 2565 ลง 11% สะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน (ก๊าซธรรมชาติ) เศษแก้ว และอะลูมิเนียม แต่ผลกระทบดังกล่าวจะถูกชดเชยส่วนหนึ่งจากโครงการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย คือ Fast Forward 10x ที่มีเป้าหมายประหยัดต้นทุน 5 พันล้านบาทใน 5-7 ปี ได้แก่ การใช้ขวดน้ำหนักเบาลง การวางแผนใช้วัตถุดิบ การปรับสูตรเครื่องดื่ม และประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา OSP ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนด้วยโครงการ Fitness First และ Fit Fast Firm ทั้งนี้ สัดส่วนการใช้อะลูมิเนียมเพื่อผลิตกระป๋องและฝาขวดไม่มาก เนื่องจากเครื่องดื่มในประเทศที่มียอดขาย 69% ใช้ขวดแก้วเป็นบรรจุภัณฑ์หลัก ส่วนในต่างประเทศซึ่งมี ยอดขาย 17% ใช้บรรจุภัณฑ์กระป๋องเป็นหลักและผลิตจากเหล็ก

กำไรกลับมาฟื้นตัวเป็น new high ได้ในปีนี้

คาดว่ากำไรปีนี้เติบโต 15% จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มชูกำลัง และการอุปโภคบริโภคทั้งในประเทศ และ CLMV อีกทั้งมีการออกสินค้าใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น เช่น M-150 ผสมวิตามินและลดน้ำตาล รวมทั้งสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชง กัญชา ขณะที่โรงงานเครื่องดื่มในเมียนมาร์จะได้ผลบวกจากอัตราการใช้กำลังการผลิต สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง ส่วนโรงงานแห่งใหม่ในเมียนมาร์ซึ่งผลิตขวดแก้วจะเริ่มผลิตได้ใน 1H65 โดยมีลูกค้าแล้วหลายราย เช่น กลุ่มสินค้าเบียร์และสุรา

ความเสี่ยง ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น การเพิ่มภาษีเครื่องดื่ม เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยยะ

- Advertisement -