บล.ทรีนีตี้

เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส – JMT คาดกําไร 4Q64 ทํา New High และยังโตต่อเนื่องในปี 65

  • คาดกำไร 4Q64 ที่ 404 ล้านบาท ดีขึ้น 15%QoQ และ 22%YoY
  • ธุรกิจบริหาร NPL ได้ผลบวกจากยอดจัดเก็บที่ดีขึ้นภายหลังเปิดเมือง และฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้นทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลบวกจากการตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ใน 2Q64 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสนี้ด้วย
  • ธุรกิจให้บริการติดตามหนี้จะได้รับผลบวกจากยอดจัดเก็บที่ดีขึ้นภายหลังเปิดเมืองเช่นกัน
  • ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรดีขึ้นจากการประหยัดจากขนาด
  • แนวโน้มปี 65 ยังสดใส โดยจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้น และการตัดต้นทุนหนี้หมดอย่างต่อเนื่อง
  • คงราคาเป้าหมาย 77 บาท แนะนำ “ซื้อ” มองธุรกิจกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตสูง

คาดกําไร 4Q64 ทํา New High

เราคาดกำไร 4Q64 ที่ 404 ล้านบาท ดีขึ้น 15%QoQ และ 22%YoY เป็นระดับ New High รายไตรมาส โดยธุรกิจบริหาร NPL มีปัจจัยบวกจากการเปิดเมืองซึ่งทำให้ยอดจัดเก็บมีแนวโน้มดีขึ้น และฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้นจากการลงทุนในหนี้ไปราว 7.1 พันล้านบาท (3Q64 ลงทุนไปราว 3.8 พันล้านบาท) นอกจากนี้การตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ใน 2Q64 ยังทำให้การรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นผลเต็มที่ในไตรมาสนี้ ลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดในปี 63 ด้านรายได้จากธุรกิจให้บริการติดตามหนี้คาดดีขึ้น 13%QoQ ซึ่งได้รับผลบวกจากยอดจัดเก็บที่ดีขึ้นภายหลังการเปิดเมืองเช่นเดียวกัน ขณะที่รายได้จากธุรกิจประกันคาดปรับตัวดีขึ้นราว 7%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และยอดขายรถยนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ สำหรับต้นทุนการให้บริการคาดเพิ่มขึ้น 6%QoQ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดเพิ่มขึ้น 2%QoQ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามฐานรายได้ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราการเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้เนื่องจากมีการประหยัดจากขนาด

ปี 65 แนวโน้มยังสดใสทํา New High ต่อ

เราคาดกำไรปี 65 จะเติบโตราว 44%YoY ทำ New High ใหม่ที่ระดับ 2 พันล้านบาท โดยธุรกิจบริหาร NPL จะได้รับผลบวกจากฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้นจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และยังมีผลจากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น หลังบริษัทได้ตัดต้นทุนหนี้หมดอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจให้บริการติดตามหนี้มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินได้สิ้นสุดตั้งแต่ปลายปี 64 ทำให้คาดหนี้ที่รับติดตามจะขยายตัวขึ้น ด้านการจัดตั้ง JV กับ KBANK คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1H65 และจะเริ่มดำเนินการได้ใน 2H65 ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนผลการดำเนินงานได้ ขณะที่การจัดตั้ง JV กับสถาบันการเงินอื่น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนใน 2H65 เช่นกัน

คงราคาเป้าหมาย 77 บาท

เราคงราคาเป้าหมายที่ 77 บาท อิงวิธี DCF (WACC 7.4%, G5%) ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยมองความน่าสนใจ คือ ธุรกิจกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตสูงจากสถานการณ์หนี้ในประเทศที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และได้หมดมาตรการช่วยเหลือ สอดรับกับการเพิ่มทุนของบริษัทใน 4Q64 ทำให้มีเงินทุนพร้อมในการลงทุน

ความเสี่ยง: สภาวะเศรษฐกิจอาจส่งผลต่ออัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสด และในกรณีที่การซื้อหนี้ของบริษัททำได้ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ซึ่งอาจมีผลต่อกระแสเงินสด

- Advertisement -