บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

TTW: คาดส่วนแบ่งกำไรหนุนกำไรปี 2022

คาดกําไรสุทธิ 4Q21 ที่ 736 ล้านบาท (+7%YoY, -21%QoQ) ลดลง QoQ จากส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจ โรงไฟฟ้าที่ลดลง

  • คาดกําไร 4Q21 จากธุรกิจน้ำประปาแตะจุดต่ำรอบ 19 ไตรมาสที่ 624 ล้านบาท จากอุปสงค์ที่ลดลงจากทั้งกลุ่ม ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)
  • ปรับลดประมาณการกำไรปี 2021-23 ลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อนอุปสงค์น้ำประปาที่อ่อนแอลง
  • คาดยอดขายน้ำจะปรับดีขึ้นใน 2H22 หลังจากกิจกรรมภาคโรงงานกลับมาดำเนินงานตามปกติหลังพ้นวิกฤติโค วิด-19

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 15.10 บาท ลดลง 2% จากเดิม คำนวณด้วยวิธีรวมส่วนธุรกิจ (SOTP) อิง 17.9x PE22E คิดเป็นส่วนลด 22% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มสาธารณูปโภคไทย

พรีวิวกำไร 4Q21

  • คาดกำไรสุทธิ 4Q21 736 ล้านบาท (+7%YoY, -21%QoQ) กระทบจากส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า
  • คาดกำไร 4Q21 ลดลง QoQ จากส่วนแบ่งรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ลดลงเหลือ 113 ล้านบาท สืบเนื่องจากปัจจัย ตามฤดูกาลที่อ่อนแอสำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ XPCL และ NN2
  • คาดกำไรปกติ 4Q21E ที่ 624 ล้านบาท (-10%YoY, ทรงตัว QoQ) จากอุปสงค์น้ำประปาที่อ่อนแอจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและมาตรการลดต้นทุนของ กปภ. ทำให้ยอดขายน้ำลดลง 72 ล้านลูกบาศก์ (-12% YoY,  -2%QQ)
  • คาดอัตรากําไรขั้นต้น (GPM) ที่ 64.0% ใน 4Q21
  • คาดกำไรสุทธิปี 2021 ที่ 3.2 พันล้านบาท หนุนจากส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้น
  • คาดกำไรปกติปี 2021 ที่ 2.6 พันล้านบาท (-9%YoY) จากอุปสงค์น้ำประปาที่อ่อนแอลง ส่งผลให้ยอดขายน้ำลดลง 300 ล้านลูกบาศก์ (-8% YoY)

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2021-23 ลง 5%, 4% และ 5% ตามลำดับ

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2021-23 ลง 5%, 4% และ 5% ตามลำดับ หลังจากปรับสมมติฐานดังต่อไปนี้

(1) ปรับลดสมมติฐานยอดขายปี 2021-23 ลง 8%, 10% และ 10% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนอุปสงค์น้ำประปาทั้งภาคอุตสาหกรรม เชิงพาณิชย์ และผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้าจากสถานการณ์โควิด-19 และผลกระทบจากมาตรการประหยัดต้นทุนของ กปภ. ที่ทำให้อุปสงค์น้ำประปาปรับลดลง

ปรับลดสมมติฐาน GPM ปี 2021-23 ลงจาก 64.3%/63.9%/63.9% เป็น 64.5%/65.0%/65.0% ตามลำดับ และปรับลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายสำหรับปี 2021-2023 ลงจาก 4.3% เป็น 4.1% เพื่อสะท้อนถึงมาตรการประหยัดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

เล็งเห็นภาพรวมเชิงบวกตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป หนุนจากกำไรที่โตต่อเนื่องของ CKP ในส่วนของโรงไฟฟ้าและธุรกิจน้ำประปาที่โตอย่างเป็นลำดับ หลังสถานการณ์โควิด-19 ปรับดีขึ้น ขณะที่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ ที่ 15.10 บาท ลดลง 2% จากเดิม คำนวณด้วยวิธี SOTP อิง 17.9x PE22E คิดเป็นส่วนลด 22% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มสาธารณูปโภคไทย

ปัจจัยชั่วคราวฉุดยอดขายน้ำประปาลง

ยอดขายน้ำประปายังเผชิญแรงกดดันจาก

1) การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทําให้อุปสงค์น้ำประปาในเขตอุตสาหกรรมลดลง และ

2) มาตรการลดต้นทุนของ กปภ. ในการลดซื้อจากบริษัทที่มีต้นทุนสูงลง และลดอุปทานน้ำในพื้นที่ทับซ้อนลง

คาดยอดขายจะปรับดีขึ้นใน 2H22 หลังสถานการณ์โควิด-19 ปรับดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นและหนุนให้กลุ่มโรงงานกลับมาดำเนินงานตามปกติ

Revenue Breakdown

TTW ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่สมุทรสาครและนครปฐม ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมสูงสุด 540,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน มีบริษัทย่อยคือ บจ.ประปาปทุมธานี (PTW) ซึ่งผลิตและจําหน่ายน้ำประปาในพื้นที่ปทุมธานี  ปัจจุบันมีกำลังการผลิตสูงสุด 488,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน

รายได้จากการขายนําประปาทั้งหมดมีสัดส่วนราว 67% ของรายได้ทั้งหมด คิดเป็น 31% ที่มาจาก PTW ขณะที่บริษัทย่อยอีก 2 แห่งอย่าง บจ.ไทยวอเตอร์ โอเปอเรชั่นส์ (TWO) และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (BIE) นั้นคิดเป็น 2% ของรายได้ทั้งหมดของ TTW โดย TWO จะบริหารและจัดการระบบผลิตและจ่ายน้ำประปาและระบบบำบัดน้ำเสียในปทุมธานี ขณะที่ BIE ทำการผลิตน้ำประปาด้วยกำลังการผลิตที่ 48,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และมีกำลังในการบำบัดน้ำเสียที่ 18,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน

- Advertisement -