ยังผันผวนจากประเด็นยูเครน แต่ประเมินเอเชียย่อน้อยกว่าสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มผันผวน แต่ในระดับที่น้อยกว่าสหรัฐฯ ตลาดหุ้นโลกกลับมาผันผวนจากกระแสข่าวความขัดแย้งในยูเครนที่ยังสับสน อย่างไรก็ตาม เรามองเอเชียและอาเซียนจะผันผวนในระดับที่น้อยกว่าสหรัฐฯ เนื่องจาก 1) ทิศทางเงินทุนยังเป็นการไหลไปยังประเทศที่มีการถือครอง (underowned) และเคยได้รับผลกระทบจากโควิดสูง 2) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถือว่าเข้าสู่ช่วงหยุดยาว (วันประธานาธิปดี 21 ก.พ.) และ 3) 17 ก.พ. เป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายของออฟชั่นที่หมดอายุเดือน ก.พ. ดังนั้นแม้อาจเผชิญความผันผวนจากแรงทำกำไร แต่เรายังมีมุมมองตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่และไทยจะผันผวนในระดับที่ต่ำกว่า
น้ำมันอาจพักฐาน ยังชอบโรงกลั่น ขณะที่สื่อสารและหุ้นปันผลมีโอกาสเคลื่อนไหวดี แม้ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ที่ยูเครนจะยังไม่มีความชัดเจน แต่ในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นกว่า 30 เหรียญฯ (จาก 65 เป็น 95 เหรียญ/บาร์เรล) ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน ทำให้หากความขัดแย้งไม่ยกระดับขึ้น ราคาน้ำมันมีโอกาสพักฐาน // กลุ่มโรงกลั่น เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าพลังงานต้นน้ำ ทั้งโดย Laggard ทั้งราคา และ Valuation อีกทั้งมีโมเมนตัมกำไรในระยะต่อไปที่ดีกว่า อีกทั้งค่าการกลั่นปีนี้คาดยืนในระดับสูง 6-8 เหรียญ/บาร์เรล (เทียบกับ 2563 ที่ 0 เหรียญ // 2564 ที่ 2 เหรียญฯ) ขณะที่หากอุตสาหกรรมการบินกลับมาได้เร็ว จะเป็นปัจจัยหนุนค่าการกลั่นอีกทาง หุ้นสื่อสารและปันผลมีโอกาสเป็นที่พักเงิน และมักเคลื่อนไหวได้ดีในช่วง ก.พ.-เม.ย. หุ้นที่เราชอบได้แก่ ADVANC, TRUE, EGCO, RATCH, WHA, WHAUP
TOP เพิ่มทุนแบบ PO ซึ่งเรามองเป็นบวก คณะกรรมการมีมติสำคัญ 2 เรื่อง ซึ่งเป็นการให้รายละเอียดในเรื่องที่เคยอนุมัติในหลักการไปแล้ว ได้แก่ 1) อนุมัติจำหน่ายหุ้น GPSC จำนวน 304 ล้านหุ้น คิดเป็น 10.78% ให้แก่ PTT มูลค่า 22,351 ล้านบาท และ 2) เพิ่มทุน 275 ล้านหุ้น (13.5% ของทุนจดทะเบียนเดิม) โดย 239 ล้านหุ้น เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (Public offering: PO) ขณะที่อีก 36 ล้านหุ้น สำหรับจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-allotment) โดยคาดว่าจะแจ้งราคาจองซื้อสุดท้าย 30 มิ.ย.65 // เรามองบวกต่อ TOP เนื่องจากทั้ง 2 เรื่องคือการระดมทุนเพื่อลงทุนในโครงการ PT Chandra Asri Petrochemical Tbk อีกทั้งการเพิ่มทุนแบบ PO ไม่สร้างภาระต่อผู้ถือหุ้นเดิม อีกทั้งมีโอกาสกำหนดราคาจำหน่ายที่สูงกล่าราคาหุ้นในปัจจุบันตามแนวโน้มกําไรไตรมาส 1/65 ที่แข็งแกร่ง
ประเด็นเก็งกำไรอื่น
1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง การเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ บวกต่อ CK, STEC, ITD, UNIQ
2) กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ตลาดเก็งกำไรการเข้าสู่ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ \ดิจิตอล และผลประกอบการปี 2564 ที่น่าจะเห็นการจ่ายปันผลในระดับที่ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่ชัดเจนของภาพรายได้ปี 2565 อีกมาก การเก็งกำไรจึงควรกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง KGI, ASP, CGH, FSS
3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW
4) กลุ่มบันเทิง ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากงบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO
5) หุ้นเก็งกำไรทางเทคนิค อาทิ SFT, WFX, CV, UBE, RAM, IND, MAKRO, CPALL, JAS, BCP, AJ, PTL
ภาพรวมกลยุทธ์: อาจย่อ แต่คาดไม่หลุด 1,690-1,700 โดยภาพรวมปรับขึ้นทดสอบ 1,720 / 1,740 จุด เน้นเก็งกำไรสลับรายกลุ่ม โดยเลือกหุ้นที่ยังมีความน่าสนใจในเชิงของ valuation และมีทิศทางการเติบโตของกำไรเป็นบวก
หุ้นแนะนำ: TOP*, TRUE*, PJW*, SFT*
แนวรับ: 1,690–1,700 / แนวต้าน : 1,720–1,740 จุด สัดส่วน : เงินสด 50%:พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
- วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม.งบประมาณชั่วคราวเลี่ยงชัตดาวน์ – วุฒิสภาสหรัฐมีมติ 65 ต่อ 27 เสียงในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) และได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
- MTC – พอร์ตสินเชื่อโตตามเป้าที่ 25 -30% กำไรสุทธิรวม 4,945 ล้านบาท – บอร์ดคาะจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น
- AMR – คว้าโปรเจคใหม่ Saphan Project (Underground Fiber Cable) ของ “เดอะวิน เทเลคอม” มูลค่า 131,992,000 บาท เล็งยื่นเข้าประมูลอีก 50,000 ล้านบาท คาดหวังได้รับงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 3,000 – 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าผลงานปีนี้โตกว่า 40% 3,000-4,000
- หุ้นที่มีโอกาสติด cash balance – TCC, EVER, MVP, SANKO, CHO
ประเด็นติดตาม: 21 ก.พ. – EU Manufacturing PMI เดือน ก.พ. / 21 ก.พ. – TH: 4Q GDP / 22 ก.พ. – US Consumer Confidence เดือน ก.พ.
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ
- เก็งกำไร TOP* (65) : ผลประกอบการฟื้นตัว ขณะที่การเพิ่มทุนแบบ PO เป็นบวก และไม่สร้างภาระต่อผู้ถือหุ้นเดิม ตัดขาดทุน 50 บาท
- เก็งกำไร TRUE* (6) : แนวโน้มผลประกอบการคาดฟื้นตัว ขณะที่ตลาดคาดหวังการรวมกับ DTAC ช่วงสร้าง Synergy ตัดขาดทุน 4.90 บาท
- เก็งกำไร PJW (6) : แนวโน้มรายงานกำไรไตรมาส 4/64 แข็งแกร่ง ขณะที่การเตรียมเข้าธุรกิจพลาสติกสำหรับการแพทย์เป็นแนวโน้มบวก ตัดขาดทุน 4.70 บาท
- เก็งกำไร SFT* (8.00) : ผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่อง และซื้อขายต่ำกว่าศักยภาพการเติบโต ตัดขาดทุน 6.00 บาท
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBIH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
Market News & Factors
ตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐยืนยันว่ารัสเซียพร้อมที่จะบุกโจมตียูเครน (อินโฟเควสท์)
ตลาดหุ้นยุโรป
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง ในยุโรปตะวันออก และจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (อินโฟเควสท์)
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกว่ารัสเซียอาจบุกยูเครน ตลอดจนผลกระทบ ของเรื่องดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก
ตลาดน้ำมัน
น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2% ในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความ คืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก (อินโฟ เควสท์)
วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม. งบประมาณชั่วคราวเลี่ยงชัตดาวน์
วุฒิสภาสหรัฐมีมติ 65 ต่อ 27 เสียงในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) และได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
MTC
พอร์ตสินเชื่อโตตามเป้าที่ 25-30% กำไรสุทธิรวม 4,945 ล้านบาท บอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น
AMR
คว้าโปรเจคใหม่ Saphan Project (Underground Fiber Cable) ของ “เดอะวิน เทเลคอม” มูลค่า 131,992,000 บาท เล็งยื่นเข้าประมูลอีก 50,000 ล้านบาท คาดหวังได้รับงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าผลงานปีนี้โตกว่า 40%
Report & Corporate News
PTT Maintained BUY TP : 56.00 บาท
กำไรสุทธิใน 4Q21 ของ PTT ดีกว่าที่เราและตลาดประมาณการไว้ เนื่องจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าคาด ขณะที่กำไรหลักดีขึ้น qoq ใน 4Q21 เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจากบริษัทย่อย E&P, โรงกลั่น และน้ำมันปิโตรเลียม ภาพรวมกำไรหลักคาดยังคงแข็งแกร่งจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย โดย Top pick ของเราในกลุ่ม O&G ยังคงเป็น IVL และ PTTEP เนื่องจากโมเมนตัมกำไรที่เป็นบวกใน 2-3 ไตรมาสข้างหน้า คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 56.00 บาท
SVI Maintained HOLD TP : 7.70 บาท
SVI ประกาศกำไรสุทธิใน 4Q21 ที่ 573 ลบ. ซึ่งผลประกอบการดีกว่าที่เราและตลาดประมาณการไว้ที่ 81% และ 88% ตามลำดับ โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และ SG&A-to-sale ที่ต่ำกว่าคาด เราคาดภาพรวมของ SVI ยังคงแข็งแกร่งต่อไปใน 1H22 เนื่องจากกำไรจากการส่งต่อต้นทุนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการเติบโตของกำไรจะชะลอตัวลงใน 2H22 คงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายสูงขึ้นที่ 7.70 บาท
VGI Upgraded BUY TP : 6.30 บาท
เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ VGI จะดีขึ้นจากการฟื้นตัวของธุรกิจ OOH, การเติบโตของ Fanslink และการ synergies ระหว่างกลุ่มต่างๆ เนื่องจาก VGI เป็นหนึ่งในหุ้น laggard และความกังวลเกี่ยวกับ dilution ส่วน ใหญ่สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว ทำให้เราคาดว่าจะมีความเสี่ยงด้านลบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากราคาจองซื้อที่ 5.00 บาท ตลาดจะให้ความสนใจในการปรับตัวดีขึ้น ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 6.30 บาท
BCPG Maintained BUY TP : 17.00 บาท
BCPG รายงาน core profit ที่ 536 ล้านบาทคงที่ yoy แต่ลดลง 24%qoq ใกล้เคียงกับที่เราคาด และมี core profit ปี 2021 เติบโต 17%yoy เป็น 2.3 พันล้านบาทใกล้เคียงกับที่เราคาด โดยหลังประชุมนักวิเคราะห์ 17 ก.พ. เรามีมุมมองเป็นบวกในระยะยาวต่อ BCPG และคาดว่าจะมีการเข้าซื้อกิจการในเร็วๆ นี้ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท