บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

T.A.C. Consumer (TACC.BK/TACC TB) ประมาณการ 4Q64F: ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง

Event

ประมาณการ 4Q64F

Impact

คาดว่ากําไร ใน 4Q64F จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ใน 4Q64 ดีขึ้น QoQ เราจึงคาดว่าผลการดำเนินงานของ TACC จะออกมาน่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิใน 4Q64F อยู่ที่ 59 ล้านบาท (+14.9% YoY, +5.4% QoQ) ซึ่งเมื่ออิงตามประมาณการดังกล่าว กำไรสุทธิใน 4Q64F และในปี 2564F จะคิดเป็น 28.6% และ 104.5% ของประมาณการเต็มปีของเราที่ 206 ล้านบาท เราคาดว่ารายได้จากยอดขายและการให้บริการจะอยู่ที่ 342 ล้านบาท (+7.0% YoY, +10.5% QoQ) ในขณะที่คาดว่าต้นทุนขายและบริการจะอยู่ที่ 211 ล้านบาท (+2.5% YoY, +10.2% QoQ) โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 38.3% ใน 4Q64F (+2.7ppts YoY, +0.1ppt QoQ) เนื่องจาก i) โครงสร้างรายได้ดี (ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจที่มี margin สูง อย่างเช่น All Cafe และ B2C) ii) บริหารจัดการต้นทุนได้ดี (วัตถุดิบ, logistic และการประหยัดต่อขนาดจากการขยายสาขาร้าน 7-Eleven อย่างต่อเนื่อง) และ iii) มีการคุมค่าใช้จ่าย SG&A ดังนั้น เราจึงคาดว่าผลประกอบการของ TACC ใน 4Q64 จะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตอย่างน่าพอใจในปี 2565F

เนื่องจากการคลายข้อจำกัดและมาตรการควบคุมของรัฐบาลลดลงในปี 2565 เราจึงคาดว่าแนวโน้มธุรกิจของ TACC จะแข็งแกร่งมากขึ้น YoY โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง YoY ซึ่งผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทจะถูกขับเคลื่อนจากทั้งธุรกิจ B2B และ B2C โดยปัจจัยสำคัญที่จะหนุนธุรกิจ B2B ได้แก่ i) การขยายสาขาร้าน 7-Eleven อย่างต่อเนื่องปีละ 700 ร้าน ii) ปริมาณยอดขายของ All Cafe เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ส่วนธุรกิจ B2C เราคาดว่าโมเมนตั้มจะเป็นบวกในปีนี้ หลังจากที่ผ่านช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 เลวร้ายที่สุดไปแล้วในปี 2564 โดยในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด รายได้จากธุรกิจนี้คิดเป็น 10% ของรายได้รวม แต่ปัจจุบันรายได้จากธุรกิจนี้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของรายได้รวมเท่านั้น เนื่องจากมีการจัด event น้อยลงในธุรกิจส่วนนี้

คงประมาณการกำไรปี 2564-65F เอาไว้เท่าเดิม

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564F เอาไว้เท่าเดิมที่ 206 ล้านบาท (+9.3% YoY) และปี 2565F เอาไว้ที่ 260 ล้านบาท (+26.4% YoY)

Valuation & Action

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในอีกสองสามปีข้างหน้า และมองว่า ROE จะสูง (28%-34% ในช่วงปี 2564-65F) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 10.50 บาท (อิงจาก P/E ที่ 24.5x เท่ากับค่าเฉลี่ย 0.25 S.D.)

Risks

COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

- Advertisement -