บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

Eastern Polymer Group (EPG) 4Q64/65จะฟื้นตัวดีขึ้น แต่โตไม่สูง

Company Update

ประเด็นการลงทุน

แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64/65 (ม.ค.-มี.ค. 65) คาดจะฟื้นตัวดีขึ้น จากการบริหารจัดการต้นทุน บวกด้วยการทยอยปรับราคาทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น พร้อมยอดขายที่คาดจะเติบโต แต่การเติบโตคาดจะไม่สูง เพราะยังเผชิญข้อจำกัดห่วงโซ่อุปทาน ปี 2564/65 มีแนวโน้มจะมากกว่าคาด ซึ่งเราประเมินกำไร 1,652 ล้านบาท โต 36% ทำ สถิติสูงสุดใหม่ แนวโน้มปี 2565/66 (เม.ย. 65 – มี.ค. 66) คาดจะเติบโตต่อจากกำลังการผลิตใหม่ และคำสั่งซื้อใหม่ช่วยหนุน ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E 17.8 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ย 19.4 เท่า มี EV/EBITDA 12.3 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.0% เราคงแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (WACC 8%, LTG 3%) ได้เท่ากับ 15 บาท

แนวโน้ม 4Q64/65 จะฟื้นตัวดีขึ้น แต่เติบโตไม่สูง

แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64/65 (ม.ค.-มี.ค. 65) จะฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะโตไม่สูง เพราะยังมีข้อจำกัดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้กระทบห่วงโซ่อุปทาน ปัญหาไมโครชิปขาดแคลน และการขนส่งทางเรือขาดแคลนและมีราคาแพง แม้ต้นทุนวัตถุดิบคือ โพลิเมอร์ จะปรับขึ้นตามต้นทุนน้ำมันดิบ แต่นโยบาย 3 ป. คือ ประโยชน์ ประหยัด และประสิทธิภาพ ทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้ดี นอกจากนี้ EPG มีวัตถุดิบในสต็อก และสั่งซื้อล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน พร้อมกับทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งราคาที่ปรับขึ้นจะมีผลเต็มที่มากขึ้นในเดือน ม.ค.-ก.พ. คาดจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 4Q64/65 ดีขึ้นต่อ เบื้องต้นประเมินกำไรประมาณ 410-430 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน และปีก่อนที่มีกำไรเท่ากับ 400-404 ล้านบาท ซึ่งเติบโตไม่สูงนัก

แนวโน้มปี 2564/65 มีแนวโน้มจะมากกว่าเป้าหมาย

ผู้บริหารคงเป้าหมายยอดขายปี 2564/65 (เม.ย. 64 – มี.ค. 65) เท่ากับ 11,000 ล้าน บาท เติบโต 12-15% แต่จากตัวเลข 9 เดือนแรก และแนวโน้มไตรมาสที่จะดีขึ้น ทำให้มีแนวโน้มจะมากกว่าเป้าหมาย เราประเมินยอดขายปี 2564/65 เท่ากับ 11,697 ล้านบาท โต 22% และมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,652 ล้านบาท โต 36% งวด 9 เดือนแรก ยอดขายและกำไรคิดเป็นสัดส่วน 76% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้ม 4Q64/65 จะดีขึ้น ทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์เล็กน้อย

ปี 2565/66 (เม.ย. 2555 – มี.ค. 2566) มีแนวโน้มจะเติบโตต่อ

ผู้บริหารประเมินแนวโน้มปี 2565/66 (เม.ย. 65 – มี.ค. 66) จะเติบโตต่อ คือ 1.) ธุรกิจฉนวนยาง ได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ในสหรัฐผลิตเต็มที่มากขึ้น 2.) ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่จากรถกระบะ Ford ที่เพิ่งเปิดตัว และกลางปีนี้ได้คำสั่งซื้อใหม่จากสองค่ายรถยนต์ 3.) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ พลาสติกเติบโตจากเก็บเกี่ยวเงินลงทุนในอดีต

- Advertisement -