ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง STP ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร พร้อมเดินหน้าเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai คาดเสนอขายไอพีโอ 25.4 ล้านหุ้น ภายในปีนี้ ชูจุดเด่นจากดีมานด์บรรจุภัณฑ์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นฐานลูกค้ารายใหญ่ รวมทั้งมีการการขยายไปยังฐานลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Direct Food Contact ที่ชูเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัย ระบุถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ มีการเติบโตสูง ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้ขยายโรงงาน ลงทุนเครื่องจักรใหม่ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

นายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนขยายโรงงาน และลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม รวมทั้ง ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการอื่น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ ซึ่งจะสนับสนุนให้ STP สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตรวม 10,000 ตันต่อปี ก้าวสู่ผู้ประกอบธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ชั้นนำของประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และการบริหารงานอย่างมืออาชีพ โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด โดยมีบริการตั้งแต่การพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพสูง ด้วยการพิมพ์งานสูงสุด 12 สี และมีบริการหลังพิมพ์ต่างๆ เช่น การเคลือบยูวี การปั๊มฟอยล์ทอง การปั๊มฟอยล์เงิน การประกบลูกฟูก การไดคัท เป็นต้น ด้วยวิสัยทัศน์ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าด้วยคุณภาพ บริการ และกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล

สำหรับแผนการหลังระดมทุน เพื่อรองรับภาพรวมอุตสาหกรรมที่ขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นฐานลูกค้ารายหลักของ STP มีแนวโน้มเติบโตและขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น จึงส่งผลดีต่อบริษัทให้มีคำสั่งซื้อที่ดีต่อเนื่องในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ การวางแผนขยายฐานลูกค้ารายใหม่ รองรับโลกยุคหลังโควิด บรรจุภัณฑ์จึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญเพื่อใช้ในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและแบรนด์ อีกทั้งภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโต รับตลาดอีคอมเมิร์ซ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อสินค้าอุปโภคและบริโภค

“STP จึงวางกลยุทธ์ในการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร และขยายกำลังการผลิตที่เน้นการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์อาหารที่สามารถสัมผัสอาหารโดยตรง เพื่อเปิดช่องทางการขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมทั้งการส่งมอบสินค้าให้ตรงเวลา มุ่งเน้นรับงานลูกฟูกที่เป็นกล่องพิมพ์ออฟเซ็ทที่มีคุณสมบัติด้านความสวยงามและความแข็งแรง รวมทั้งการเจาะตลาดลูกค้าใหม่เพื่อสนับสนุนการใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่การพัฒนาบุคลากร และเพิ่มศักยภาพความสามารถของพนักงาน มุ่งเน้นการปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้ได้ตามมาตรฐานสากลครบทุกขั้นตอนเพื่อสามารถรับงานผลิตสินค้ากลุ่ม Direct Food Contact ได้”

ด้านนางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 25,400,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 25.4% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในไตรมาส 2/65

สำหรับจุดเด่นของ STP คือผู้บริหามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนมีความน่าเชื่อถือและเชื่อมั่นจากลูกค้า มีฐานลูกค้ารายใหญ่ อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต และการเพิ่มโอกาสไปยังฐานลูกค้ารายใหม่ ด้วยการลงทุนเพิ่มเครื่องจักรที่ทันสมัย และการเพิ่มมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงมองว่า ภายหลังการระดมทุน จะยิ่งเพิ่มความพร้อมในการขยายตลาดดังกล่าวนี้ ด้วยฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561-63) บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 352.2 ล้านบาท 370.2 ล้านบาท และ 440.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 5.1% ในปี 2562 และ 19.0% ในปี 2563 โดยหลักเป็นผลมาจากลูกค้ารายใหญ่รายเดิม ส่วนกำไรสุทธิในปี 2561-63 อยู่ที่ 63.2 ล้านบาท 59.0 ล้านบาท และ 95.4 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 35.4%, 36.1% และ 39.9% ตามลำดับ

*******

- Advertisement -