NER โชว์ผลผลงานปี 64 สุดแกร่ง กวาดกำไรทะลุ 1.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 115.4% ระบุเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตั้งเป้าปี 65 รายได้แตะระดีบ 2.8 หมื่นล้านบาท จากความต้องการใช้ยางที่ยังดีต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจ จำหน่ายแผ่นยางปูรองปศุสัตว์ ภายใต้แบรนด์ cattleFlex ระบุถือเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง ด้านที่ประชุมบอร์ดไฟเขียว สั่งจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังเพิ่มที่อัตรา 0.36 บาทต่อหุ้น ขึ้นเคื่องหมาย XD 19 เมษายนนี้
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทมียอดขายสินค้ารวม 24,425.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,075.88 ล้านบาท หรือ 49.39% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 และมีกำไรสุทธิรวม 1,850.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 991.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 115.47% ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.57% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่เท่ากับ 5.25%
สำหรับผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เกิดจากบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยด้านปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทที่ขยับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 โดยปัจจัยหลักเกิดจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 10.56% เป็น 13.25%
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากการขาย แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 15,182.94 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.16% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,595.28 ล้านบาท หรือ 43.40% รายได้จากการขายต่างประเทศ 9,242.72 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.84% ของยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 3,480.60 ล้านบาทหรือ 60.40%
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 28,000 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขาย คาดว่าจะสามารถทำยอดขายยางพาราอยู่ที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 510,000 ตัน โดยสัดส่วนของยอดขายในปี 2565 บริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 65 ต่อ 35 เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราค่าระวางเรือที่ปรับเปลี่ยนในทิศทางที่สูงขึ้น โดยมองว่า ความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ก็จะทำให้มีการคมนาคมมากขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ มีรายงานจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ระบุว่า ยอดผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ขยายตัวถึง 160% เมื่อเทียบปีต่อปี และมีการส่งเสริมและผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยการเร่งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สถานีชาร์จ เสาชาร์จ และสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่รองรับที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการให้ได้ 20 ล้านคันในปี 2568 โดยจีนจะจัดตั้งสถานีชาร์จในทุกอำเภอและติดตั้งเสาชาร์จในทุกหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนใช้รถยนต์พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการผลิตยางมากขึ้น
ด้านแผนงานธุรกิจปลายน้ำ ผลิตภัณฑ์แผ่นปูรองปศุสัตว์ ภายใต้แบรนด์ cattle Flex ตั้งเป้าปริมาณการขายภายในปีแรกที่ 250,000 แผ่น คิดเป็นรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทกำลังเร่งดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆ (distributor) ซึ่งในเฟสแรกมีทั้งหมด 13 ประเทศ โดยผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น Pro พรีเมียม ระดับมาตรฐานยุโรป รุ่น Tuf ทนทานในราคาที่จับต้องได้ รุ่น Calf พิเศษสำหรับลูกวัว และรุ่น Move สำหรับทางเดินในฟาร์มปศุสัตว์ พร้อมกันนี้ ได้เตรียมเปิดตัว cattleFlex Winner รุ่นพิเศษ สำหรับการดูแลม้า ในเร็วๆ นี้ด้วย
นอกจากนี้ จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินงวดดำเนินงานงวดครึ่งหลังปี 2564 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 633.83 ล้านบาท
*****