Our View? ”ไม่สู้ดี (กว่า)”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway/Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,685/1,675 แนวต้านที่บริเวณ 1,705 / 1,710 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางการลงทุนของราคาสินทรัพย์เสี่ยง หลังความตึงเครียดในวิกฤตยูเครนเพิ่มสูงขึ้น หลัง ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียประกาศรับรองสถานะของภูมิภาคดอแนตสก์ และลูฮันสก์ ให้เป็นรัฐอิสระ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลยูเครนที่ฝักใฝ่รัสเซีย รวมทั้งส่งกำลังทหารเข้าประจำการในพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-นาโต้ เพิ่มสูงข้ึน ขณะท่ีปธน.โจ ไบเดน ได้ออกมาโต้ตอบด้วยการประกาศคว่ำบาตรดอแนตสก์ และลูฮันสก์ ไม่ให้ประชาชนอเมริกันทำการค้าและลงทุนในรัฐดังกล่าว เรามองเป็นปัจจัยลบระยะสั้นกดดันทิศทางตลาดอ่อนตัวลงได้ อย่างไรก็ตาม เราแนะนาติดตามการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียโดยตรงจากทั้งทางด้านสหรัฐ-ยุโรป ซึ่งเราประเมินว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อย คาดหากไม่มีมาตรการดังกล่าวออกมาจะหนุนทิศทางตลาดฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป

ทางด้านราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนนี้ตอบรับเชิงบวกกับประเด็นดังกล่าวเช่นกัน โดยล่าสุดเช้านี้อยู่ที่ระดับระดับ 94.23 ดอลลาร์/บาร์เรล +3.16 ดอลลาร์ (+3.47%) อย่างไรก็ตาม เรามองหากสถานการณ์ดังกล่างผ่อนคลายลง รวมทั้งแนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกคร้ังของอิหร่าน คาดจะยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้สภาพัฒน์เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ออกมา +1.9% YoY หรือ +1.8% QoQ ทำให้ทั้งปี’64 +1.6% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงท่ีผ่านมา รวมทั้งการกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q’64 และจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่คาดการณ์ปี’65 ยังคงขยายตัวในช่วง 3.5-4.5% เท่ากับประมาณการครั้งก่อน คาดจะยังเป็นปัจจัยบวกหนุนทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยได้ต่อ

อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงลบอ่อนๆ ต่อการที่ สธ. ประกาศเตือนภัย COVID-19 ระดับ 4 โดยยกระดับจังหวัดเสี่ยงสูงเป็นทุกจังหวัด หลังผู้ติดเชื้อ COVID-19 เร่งตัวข้ึนเร็วในช่วงท่ีผ่านมา รวมท้ังมีแนวโน้มที่ตัวเลขจะเร่งตัวข้ึนแรงได้อีกในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า คาดจะกระตุ้นความกังวลการออกมาตรการที่คุมเข้มมากขึ้นในการประชุม ศบค. ในวันพรุ่งนี้ อาจหนุนทิศทางแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลในระยะสั้น (BCH, CHG, EKH และ VIH) อย่างไรก็ตาม เรายังคงคาด ศบค. จะไม่ออกมาตรการ Lockdown รอบใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายได้ในระยะถัดไป

ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL) ที่เริ่มกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้งหลัง Valuation ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ โดย Price/Sale ของกลุ่มอยู่ที่ระดับ 0.86 เท่า หรืออยู่ที่บริเวณ -2 S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีท่ีระดับ 1.34 เท่า อีกทั้งคาดผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มค้าปลีกจะเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งหลัง เศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 และผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q’64

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันน้ี “EKH”

แนวรับ 7.65 / 7.55 Target 8.20 / 8.60 Stop <7.25

- Advertisement -