บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action

TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +6.1%

Close Feb 21, 2022 Price (THB) 16.30

12M Target (THB) 17.30

Previous Target (THB) 15.10

What’s new?

  • กำไร 4Q64 ทำ All time high ตามคาด ที่ 121 ลบ. (+96.0%QoQ, +227.5%YoY) ใกล้เคียงคาด จากการคลาย Lockdown และผลของฤดูกาล
  • แนวโน้ม 1Q65 มีโอกาสทรงตัวถึงอ่อนตัวลงเล็กน้อย QoQ แต่โตสูง YoY ประกาศลงทุนสร้างโรงงานในอินโดนีเซียเพื่อผลิต Jelle หลัง SKU แรกได้รับการตอบรับดี คาดเริ่มผลิตได้ 1Q66 ยังไม่รวมในประมาณการ
  • ปรับประมาณการกำไรขึ้น 16% จากการปรับลด SG&A ลงจากเดิมที่ทำไว้สูงไป

Our View

  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ SNNP และประมาณการปี 2565 มี Upside risk จาก การออกสินค้าใหม่กลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ในช่วง 3Q65
  • ผลของการปรับประมาณการกำไรขึ้น ทำให้ราคาเป้าหมายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 17.30 บาท มี Upside gain เพียง 6.1% และยังซื้อขายที่ PER65 ค่อนข้างสูงกว่า กลุ่มที่ 29.5 เท่า จึงยังคงคำแนะนำ TRADING

SRINANAPORN MARKETING

เข้าสู่ปีของการเติบโต กำไรปกติ 4Q64 ทํา All time high ตามคาด

รายได้ 4Q64 อยู่ที่ 1,210 ลบ. (+23.8%QoQ, -3.0%YoY) ฟื้นตัว QoQ จากการคลาย Lockdown แต่ลดลง YoY เพราะผลของการเปลี่ยนการรับรู้รายได้ของ Siripro มาเป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม GPM เพิ่มขึ้นจาก 25.1% ใน 3Q64 และ 24.9% ใน 4Q63 เป็น 28.1% สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มสินค้าที่มีความ Premium มากขึ้น ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงขึ้น ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Siripro อยู่ที่ 5.8 ลบ. ดีขึ้นจากที่ขาดทุน 10.6 ลบ. ใน 3Q64 โดยหลังสถานการณ์คลี่คลาย Siripro เริ่มมี EBITDA เข้าสู่จุดคุ้มทุนแล้วใน 4Q64 คาดว่าจะเข้าสู่จุดคุ้มทุนที่ระดับ Bottomline ได้ภายในปี 2565 SNNP รายงานกำไรปกติ 4Q64 ที่ 121 ลบ. (+96.0%QoQ, +227.5%YoY) แนวโน้ม 1Q65 มีโอกาสทรงตัวถึงอ่อนตัวลงเล็กน้อย QoQ จากตลาดต่างประเทศที่ชะลอตัวตามฤดูกาล โดยเฉพาะในเวียดนาม แต่ในประเทศยังทรงตัวสูง แต่โตสูง YoY ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สินค้าใหม่ และการลงทุนในอินโดนีเซียเป็น Upside risk ปี 66

ด้วยความที่ Jelle มีจุดเด่นที่มีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างน้อย เป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตสูง เพราะมูลค่าตลาดยังไม่สูงมาก ทำให้ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากสินค้า SKU แรกในอินโดนีเซียสร้างรายได้ราว 5 ลบ./ เดือน และเริ่มเห็นออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ติดปัญหาเรื่องมาตรฐานการนำเข้าสินค้าอาหารในอินโดนีเซียที่ต้องใช้เวลาในการขอมาตรฐานฮาลาลค่อนข้างนาน (1-2 ปี) แต่หากมีการผลิตในอินโดนีเซียจะใช้เวลาน้อยกว่ามาก บริษัทจึงตัดสินใจร่วมลงทุนกับพันธมิตรในอินโดนีเซียในการตั้ง JV ลงทุนสายการผลิต Jelle ในอินโดนีเซียด้วยเงินลงทุนไม่เกิน US$2 ล้าน หรือราว 65-70 ลบ. ถือในสัดส่วน 85% เป็นการลงทุนเฉพาะเครื่องจักร และใช้การเช่าโรงงานในนิคมฯ ทำให้ใช้เงินลงทุนไม่สูงและใช้เวลาน้อย คาดหวังรายได้ต่อปีเมื่อผลิตเต็มกำลังการผลิตจากสายการผลิตที่ 500 – 600 ลบ/ปี (ราว 10% ของรายได้ทั้งหมดในปัจจุบัน) คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ใน 1Q66 (ยังไม่รวมในประมาณการ) นอกจากนี้จะมีการออกสินค้าร่วมกับพันธมิตรในการออกสินค้าใหม่ที่เป็นนวัตกรรมในกลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วง 3Q65 ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้และ GPM สูงขึ้นเป็น Upside risk ต่อประมาณการ

ปรับประมาณการขึ้น คงคำแนะนำ TRADING

เรามีมุมมองเชิงบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ไม่น้อยกว่า 15% ด้วย GPM ที่สูงขึ้นจากปี 2554 ที่อยู่ที่ 26.4% แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นด้วยการ 1) ปรับสูตรการผลิตลดส่วนผสมที่ราคาสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง 2)  มีการคิดค้นร่วมกับ Supplier ในการหาวิธีลดต้นทุนทุกส่วนที่ทำได้ เช่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่มีต้นทุนลดลง 3) เพิ่มสินค้าใหม่ที่มีความ Premium มากขึ้น และมี GPM สูงขึ้น และ 5) ปรับส่วนผสมช่องทางการจัดจำหน่าย MT และ TT เราคงประมาณการรายได้ที่ 5,172 ลบ. เติบโต 18.7%YoY และคง GPM ที่ 28.6% เนื่องจากยัง Inline กับเป้าหมายของบริษัท แต่ปรับลด SG&A ลง 9.7% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 16% เป็น 530 ลบ. (+58.7%YoY) ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 17.30 บาท (วิธี DCF ด้วย WACC ที่ 7.2% และ Terminal growth 3.0%) ราคาปัจจุบันมี Upside gain 6.1% และมี PER65 อยู่ที่ 29.5 เท่า จึงยังคงคำแนะนำ TRADING

- Advertisement -