การติดเชื้อสูงสุดในรอบ 6 เดือน และเสียชีวิตสูงสุดในรอบ 3 เดือน แนะ Trading โรงพยาบาล
วันนี้แนะติดตามประชุม ศบค. ชุดใหญที่เบื้องต้น มีรายงานออกมาว่าจะเตรียมปรับมาตรการเข้าราชอาณาจักรและชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ทั้งนี้สิ่งที่ตลาดมิอยากเห็นคงได้แก่การ Lock Down หรือมาตรการควบคุมที่รุนแรง เกินไปจนกระทบกับภาวะเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน ดังนั้น หากมาตรการที่ออกมามิได้กระทบกับเศรษฐกิจมาก ตลาดมีโอกาสผ่อนคลายกับประเด็น COVID-19 (ติดเชื้อ COVID-19 วันนี้ 2.1 หมื่นราย สูงสุดในรอบ 6 เดือน) ด้านต่างประเทศยังคงเป็นความตึงเครียดระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ล่าสุดเริ่มมีการคว่ำบาตรรัสเซีย นำมาโดยสหรัฐประกาศคว่ำบาตรธนาคาร VEB ที่เป็นธนาคารรายใหญ่ของรัสเซีย ด้วยการห้ามทำธุรกรรมในสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ด้านเยอรมนีประกาศระงับการอนุมัติท่อส่งแก๊สธรรมชาติ Nord Stream 2 ดังนั้น ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจจริงมากขึ้น และหาก EU ตัดสินใจคว่ำบาตรรัสเซียจริงจัง EU นั้น จะยิ่งรับผลกระทบค่อนข้างหนัก เพราะพึ่งแก๊สธรรมชาติจากรัสเซียค่อนข้างเยอะ ส่งผลต่อเงินเฟ้อภายในและเศรษฐกิจที่จะมีปัญหาตามมา อย่างไรก็ตาม มีข้อดีคือนักลงทุนเริ่มมอง FED ในเดือนมี.ค.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ลดโอกาสลดมาจากเดิมที่คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ทั้งนี้เรื่องของยูเครน – รัสเซีย เรายังเชื่อว่าสุดท้ายจะมีทางออกด้วยการพูดคุยกัน เพราะรัสเซียอาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจจากการห้ามค้าขาย EU เองก็จะประสบปัญหาเช่นกัน จากการขาดแคลนพลังงาน ส่วนเช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียแกว่งในกรอบแคบๆ (Korea +0.4%, Australia +0.37% Nikkei ปิดทำการเนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิ) คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1684 – 1695 เชิงกลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นเน้น Trading ในกลุ่มโรงพยาบาล (BCH CHG) น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) สำหรับทยอยสะสม ยังแนะ Wait&See เช่นเดิม จนกว่าระดับ Valuation จะลงมาในจุดน่าสนใจ
BCH (ถือ / ราคาเป้าหมาย 21 บาท) ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่การติดเชื้อ กลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง ในเชิงกำไร 4Q21 คาดกำไร 4Q21 ที่ 1.3 พันล้านบาท (+ 384%YoY, -54%QoQ) จากอัตรากำไรที่อ่อนแอ เพราะเคสโควิด-19 ที่ลดลง 69% แต่ได้รับการชดเชยส่วนหนึ่งจากอุปสงค์สะสมในส่วนของบริการปกติ
CHG (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 3.9 บาท) เล็งเห็นโมเมนตั้มใน 1Q22 จากปัจจัยด้านโอมิครอน ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นราว 7 พัน ถึง 1.3 หมื่นเคสต่อวัน บวกกับการจัดสรรวัคซีน ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนนี้ตั้งแต่ 1Q22 เป็นต้นไป