Our View? ”เผชิญแรงกดดันจากต่างประเทศ”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,685 / 1,675 แนวต้านที่บริเวณ 1,700 / 1,710 คาดตลาดยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ ซึ่งยังคงกังวลควาตึงเครียดในวิกฤตยูเครน หลังวุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้รัสเซีย สามารถใช้กองทัพนอกประเทศเพื่อสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน รวมทั้งยูเครนประกาศเกณฑ์ทหารรับมือกองทัพรัสเซีย และประกาศภาวะฉุกเฉินบังคับใช้ 30 วัน กระตุ้นความกังวลต่อแนวโน้มการใช้กำลังทหารของทั้ง 2 ประเทศ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียแถลงการณ์เตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรสหรัฐที่รุนแรง และจะส่งผลต่อชาวอเมริกัน เราแนะนำติดตามการออกมาตรการคว่ำ บาตรจากท้ังฝั่งสหรัฐ-ยุโรป และรัสเซียเพิ่มเติม หากมีการออกมาตรการเกี่ยวกับการกีดกันการส่งออกน้ำมันของรัสเซียจากสหรัฐ-ยุโรป หลังเยอรมนีประกาศระงับการอนุมติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 เป็นการชั่วคราว (ซึ่งถือเป็นโครงการท่อส่งก๊าซใหม่ของรัสเซีย ไม่กระทบต่อปริมาณการส่งออกพลังงานเดิม) คาดจะเป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้ คาดยังเป็นปัจจัยให้ตลาดอยู่ในภาวะ Risk-off ได้ต่อ
ขณะที่สัปดาห์หน้าเรามองตลาดจะให้ความสนใจไปที่การกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ- ธนาคาร เกี่ยวกับนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในรอบครึ่งปี ในวันท่ี 2-3 มี.ค. นี้ คาดจะได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับท่าทีของ FED ก่อนการประชุม FOMC ในเดือน มี.ค.
ทางด้านราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. เมื่อคืนน้ียังคงแกว่งตัวขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ปิดที่ระดับ 92.10 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.19 ดอลลาร์ (+0.21%) ยังคงได้รับแรงหนุนจากวิกฤตยูเครน อย่างไรก็ตาม เรามองแนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้งของอิหร่าน คาดจะยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่สภาพัฒน์เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ออกมา +1.9% YoY หรือ +1.8% QoQ ทำให้ทั้งปี’64 +1.6% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q’64 และจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะท่ีคาดการณ์ปี’65 ยังคงขยายตัวในช่วง 3.5-4.5% เท่ากับประมาณการครั้งก่อน คาดจะยังเป็นปัจจัยบวกหนุนทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยได้ต่อ โดยล่าสุดนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทยสุทธิในปีนี้กว่า 7.34 หมื่นล้านบาท คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ประคองตลาดอ่อนตัวลงน้อยกว่าตลาดในภูมิภาค
ในส่วนผลประชุม ศบค. เมื่อวานนี้ไม่ได้มีการออกมาตรการคุมเข้มรุนแรง และยังไม่มีการส่งสัญญาณการออกมาตรการ Lockdown ตามที่เราและตลาดคาดไว้ คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว- โรงแรม (AOT, AWC, CENTEL, ERW และ MINT) ฟื้นตัวกลับขึ้นได้
ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL) ที่ยังมีความน่าสนใจในเชิง Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม AMC (BAM, CHAYO และ JMT) ที่คาดแนวโน้มการ JV กับธนาคารพาณิชย์คาดจะหนุนทิศทางผลกำไรในปีนี้เติบโตโดดเด่น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนหุ้นในกลุ่มดังกล่าว
ธีมการลงทุน “Selective Play” หุ้นแนะนำวันนี้ “CHAYO”
แนวรับ 12.20 / 12.00 Target 13.70 / 14.40 Stop <11.80