อิชิตัน โชว์งบปี 64 เติบโตสู้วิกฤติ ทำกำไรที่ 546.8 ลบ. รายได้จากการขาย 5,228.3 ลบ. ชูยอดขายในประเทศเติบโต โดยเฉพาะตลาด Traditional Trade จากกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวยอดนิยม ด้านธุรกิจ OEM รายได้พุ่งกว่า 73% ฟากอิชิตัน อินโดนีเซียเห็นกำไรเหนือคาดหมาย จากเครื่องดื่มกลุ่มชาไทยเป็นไฮไลท์ และเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.50 บ./หุ้น กำหนดจ่าย 23 พฤษภาคมนี้ ย้ำความมั่นใจ ปี 65 เตรียมเปิดตัวการ Collab สุดคูล กับแบรนด์ชั้นนำ และออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม CBD เดินหน้าขยายธุรกิจตามกลยุทธ์ 3N วางเป้าหมายรายได้ปีนี้แตะ 6,500 ล้านบาท
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยผลประกอบการงวดประจำปี 2564 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564) มีกำไรสุทธิ 546.8 ล้านบาท เติบโต 6.1% จากปีก่อนอยู่ที่ 515.5 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 19.3% อัตรากำไรสุทธิ 10.5% ขณะที่รายได้จากการขาย 5,228.3 ล้านบาท เติบโต 2.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 5,099.3 ล้านบาท ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสด จากผลการดำเนินงานประจำปี 2564 และกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 6 พฤษภาคมนี้ จ่ายปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2565
ภาพรวมธุรกิจในปี 2564 เป็นอีกปีที่ท้าทายและต้องพยายามอย่างหนักในการทำตลาดท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่มีการแพร่ระบาดตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมกำลังซื้อในประเทศ โดยอิชิตันพยายามยึดฐานที่มั่นด้วยการผลักดันสินค้าชาเขียวรสชาติที่ผู้บริโภคมั่นใจเพื่อครองความนิยมอันดับหนึ่ง ในขนาดและราคาที่เหมาะสม ประกอบกับการได้รับแรงหนุนบางส่วนในตลาด Traditional Trade จากมาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ จนสามารถมีผลการดำเนินงานที่เติบโตทั้งรายได้และกำไร
นอกจากนี้ ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) มีรายได้เติบโตขึ้นถึง 73% จากความเชื่อมั่นของพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ช่วยสนับสนุนอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ขณะที่อิชิตัน อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จ โดยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ 59 ล้านบาท เติบโตกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากความสำเร็จในสินค้าตระกูลชาไทย ซึ่งเป็นกลุ่ม Cash cow ที่สามารถผลักดันกำไรได้ในระดับที่ดี ด้วยความโดดเด่นของสินค้าและมีรสชาติที่แตกต่าง
สำหรับปี 2565 แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะกระทบต้นทุนการผลิตบ้าง แต่อิชิตันพยายามปรับแผนบริหารการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ พร้อมวางเป้าหมายรายได้ปีนี้แตะ 6,500 ล้านบาท ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ในการผลักดันสินค้าชาเขียวรสชาติยอดนิยมให้เป็นเรือธง ด้วยแผนการตลาดเชิงรุกไปยังผู้บริโภค และคาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือ (Collaboration) กับแบรนด์ชั้นนำเพื่อตอกย้ำรสชาติที่ชัวร์ สดชื่นยืนหนึ่ง สร้างสีสันให้ตลาดคึกคัก ภายในไตรมาส 2/65
นอกจากนี้ เดินหน้าเติบโตภายใต้กลยุทธ์ 3N (New Product, New Market และ New Business) โดย New product ที่คาดจะเห็นความชัดเจน คือ การเข้าไปบุกตลาดเครื่องดื่มกัญชง หรือ CBD ที่กำลังเป็นที่จับตามองหลังกฎหมายเริ่มเปิดกว้างขึ้นตามขั้นตอน และการเข้าไปเจาะตลาด Carbonated soft drink (CSD) ที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรในโรงงานขั้นสุดท้าย เพื่อออกเครื่องดื่มใหม่สุดอินเทรนด์ นับเป็นความคืบหน้าในการขยายไปยัง New Category และ New Segment เข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง
อีกทั้ง เพื่อผลักดันช่องทางการขาย Traditional Trade ให้ครอบคลุมมากขึ้น อิชิตันเตรียมออกแคมเปญเฉพาะกลุ่มกับพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อยกลังไปขายหน้าร้าน ควบคู่การเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเดินหน้าสร้างการรับรู้ช่องทางการขายยกลังแบบออนไลน์ผ่าน https://ichitanoneshop.com/ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในช่องทางการขายออนไลน์ต่างๆ เพื่อเติบโตไปพร้อมกันในทุกช่องทาง
ด้าน New Business อิชิตันได้ประกาศการเข้าไปรุกธุรกิจใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เข้าลงทุนในบริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด (Predictive) เพื่อนำ Big Data มาใช้เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจทำการตลาดในเชิงวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค และเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ ทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัลให้โตอย่างยั่งยืน