บล.ทรีนีตี้:
เอราวัณ กรุ๊ป– ERW ปรับพอร์ตเน้นลูกค้าในประเทศ พร้อมเปิด Franchise Hop Inn
- รายงานขาดทุนสุทธิ 4Q64 ที่ 246 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นจากที่ขาดทุน 623 ล้านบาทใน 3Q64 และจากที่ขาดทุน 474 ล้านบาทใน 4Q63 และรายงานขาดทุนจากการดำเนินงานปกติที่ 371 ล้านบาท โดยใน 4Q64 มีการบันทึกกำไรจากการขายโรงแรม 2 แห่ง จำนวน 95 ล้านบาท
- รายงานขาดทุนสุทธิปี 2564 ที่ 205 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ โดยที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1.55 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 34% YoY
- เพิ่ม Model ธุรกิจเปิดรับ Franchise Hop Inn ตั้งเป้า 100 แห่ง ในปี 2568
- คาดขาดทุนสุทธิปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ 811 ล้านบาท
- แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท
4Q64 Earnings Review
- ERW รายงานขาดทุนสุทธิ 4Q64 ที่ 246 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นจากที่ขาดทุน 623 ล้านบาทใน 3Q64 และจากที่ขาดทุน 474 ล้านบาท ใน 4Q63 และรายงานขาดทุนจากการดำเนินงานปกติที่ 371 ล้านบาท โดยใน 4Q64 มีการบันทึกกำไรจากการขายโรงแรม 2 แห่ง จํานวน 95 ล้านบาท
- รายงานรายได้จากกลุ่มโรงแรมที่ 599 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 186% QoQ และ 6% YoY โดยการฟื้นตัว QoQ มาจากฐานที่ต่ำจากผลกระทบของมาตรการ Lockdown ใน 3Q64 ในขณะที่ 4Q64 การท่องเที่ยวในประเทศดีขึ้น และได้รับอานิสงส์จากมาตรการ Test and Go ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2564
- รายงานขาดทุนสุทธิปี 2564 ที่ 205 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ที่ 2.12 พันล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 1.72 พันล้านบาทในปี 2563 โดยที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1.55 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 34% YoY
- อัตราการเข้าพักใน 4Q64 (Ex Hop Inn) อยู่ที่ 30% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 3Q64 ที่ 10% และมี RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 38% YoY ในขณะที่อัตราการเข้าพักของกลุ่ม Hop Inn อยู่ที่59% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 27% ใน 3Q64 แต่ Revear Hop Inn ปรับตัวลดลง 15% YoY จาก ADR ที่ Flat YoY จากผลกระทบของการ Lockdown ในช่วง 3Q64 ส่งผลให้ 4Q64 ยังเป็นช่วง Ramp Up Period
- Hop Inn ฟิลิปปินส์มีอัตราการเข้าพักที่ 49% ปรับตัวลดลงจาก 3Q64 60% และมี RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 50% YoY โดยที่ปัจจุบัน Hop Inn กลับมารับนักท่องเที่ยวหลังจากที่มีการปลด Lockdown และยกเลิกรับกลุ่ม Quarantine
ปรับโครงสร้างรายได้ เน้นลูกค้า Domestic
ERW อยู่ระหว่างการขายโรงแรมอีก 3 แห่ง (IBIS Style Krabi, IBIS Kata และ IBIS Hua Hin) ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นใน 2Q65 โดยการขายโรงแรมครั้งนี้จะส่งผลให้ ERW สามารถขยายโรงแรมกลุ่ม Hop Inn ได้มากขึ้น โดยในปี 2565 ERW จะมีการเปิดให้บริการ Hop Inn อีก 8 แห่ง (ในประเทศ 6 แห่ง และที่ฟิลิปปินส์ 2 แห่ง) ทั้งนี้ ERW มีแผนเพิ่มจำนวน Hop Inn ผ่านระบบ Franchise โดยจะเริ่มในประเทศก่อน และคาดว่าจะมี 10 แห่งในปี 2565 โดยการเพิ่มจำนวนสาขาของ Hop Inn จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้าในประเทศ จากคาดการณ์การท่องเที่ยวจะสามารถกลับสู่ระดับปี 2562 (Pre COVID 19) ได้ราวปี 2567 ส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศยังเป็นกำลังหลังของรายได้ และในช่วงปี 2564 แสดงให้เห็นว่าอัตราการเข้าพักของกลุ่ม Hop Inn สามารถอยู่ในระดับ Pre COVID-19 แล้ว
แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท
ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 340 บาท จากการอิง P/BV ที่ 2.6X หลังจากที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q64 และมองการฟื้นตัวในปี 2565 จากกลุ่ม Hop Inn ทั้งในประเทศและจากฟิลิปปินส์เป็นหลัก และคาดขาดทุนสุทธิในปี 2565 จะลดลงสู่ระดับ 811 ล้านบาท และจะสามารถพลิกเป็นกําไรได้ในปี 2566