บล.กรุงศรีฯ:

OSP – FY22: ปีแห่งการเติบโต (TP Bt38.0, BUY)
กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
หุ้นOSP
มูลค่าพื้นฐาน38.00
คำแนะนำBUY

ปี 2022 บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยการออกสินค้าใหม่ทั้งในกลุ่มเครื่องดื่ม และ personal care โดยมุ่งเน้นด้านสุขภาพ และสินค้าที่มีนวัตกรรมมากขึ้น รวมทั้งมีแผนลดผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงคาดว่ากำไรสุทธิในปี FY22 จะเติบโต 12%yoy  คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปี 2022 มุ่งสร้างการเติบโตในทุกกลุ่มสินค้า

บริษัทมีแผนธุรกิจหลักในปี 2022 ได้แก่ 1) โครงการลดต้นทุน (Fast Forward 10x)  โดยตั้งเป้าลดต้นทุนให้ได้ 5,000 ลบ. ภายใน 5-7 ปี โดยเน้นการประหยัดต้นทุน และเพิ่ม margin  2) เพิ่มยอดขายเครื่องดื่มในประเทศ เน้นสินค้าเพื่อสุขภาพ และ product innovation มากขึ้น รวมทั้งขยายตลาดสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น  3) ฟื้นฟูยอดขายกลุ่ม personal care โดยเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ที่มี innovation มากขึ้นในกลุ่ม babi mild และ twelve plus รวมทั้งขายผ่านออนไลน์มากขึ้น  4) ขยายตลาดในต่างประเทศเพื่อเพิ่มยอดขาย โดยเฉพาะใน พม่า ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย 5) หาหุ้นส่วนทางธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจ เช่น การทำ M&A, B2B

 

ออกสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มผสม CBD จากกัญชง

เนื่องจาก ต้องการให้ energy drink สามารถขายได้ในราคา 12 บาทในตลาดมวลชน (mass market) บริษัทจึงมีแผนการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม energy drink ภายใต้แบรนด์ M-150 โดยเพิ่มวิตามินบี12 ขึ้น 2 เท่า และลดน้ำตาลลง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบของต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และช่วยเพิ่ม GPM รวมทั้งมีแผนวางขายเครื่องดื่ม functional drink ผสม CBD จากกัญชง ภายใน 2Q22

 

บริษัทมีแผนรับมือต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ต้นทุนราคาแก๊สธรรมชาติ และอลูมิเนียมที่สูงขึ้น บริษัทมีแผนการลดผลกระทบ ได้แก่ 1) ล็อกราคาวัตถุดิบหลักอย่างน้อยครึ่งปี เช่น ตัวกระป๋องและฝาอลูมิเนียม, เศษแก้ว, soda ash  2) ปรับราคาขายส่งขึ้น 2-3%  3) วางขาย energy drink ราคา 12 บาท ช่วยเพิ่ม GPM  4) ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้พลังงานน้อยลง 5) เปลี่ยนขวดแก้ว energy drink ให้มีน้ำหนักเบา ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้ประมาณ 100 ลบ. ทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยลดผลกระทบของต้นทุนที่สูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

คงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายที่ 38 บาทต่อหุ้น

เราเห็นยอดขายฟื้นตัวอย่างชัดเจนใน 4Q21 และบริษัทมีแผนการลดผลกระทบของต้นทุนวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในหลายๆกลุ่มสินค้า เราจึงคาดว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวขึ้นได้จากกำไรสุทธิที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

- Advertisement -