บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
TOA Paint (Thailand) (TOA) 4Q64 ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด
Results Review
ผลประกอบการ 4Q64
ผลประกอบการ 4Q64 ฟื้นตัวดีขึ้น มีกำไรสุทธิเท่ากับ 473 ล้านบาท (+76%QoQ, – 4% YoY) ถ้าหากหักรายการพิเศษ 71 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 401 ล้านบาท (+46%QoQ, -19% YoY) ดีกว่าเราคาดจะมีกำไรเท่ากับ 375 ล้านบาท ผลประกอบการได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในไทย และเวียดนามดีขึ้น มีการคลายล็อกดาวน์ และเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้ยอดขายกลับมาเติบโตได้ดี 4,672 ล้านบาท (+17%QoQ, +12%YoY) อย่างไรก็ตาม ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ TOA ได้ทยอยปรับขึ้นราคารอบ 2 อีก 4-5% ใน 4064 แต่ยังไม่มีผลเต็มที่ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังไม่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 30.2% ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน 36.1% รวมปี 2564 ยอดขายเท่ากับ 17,570 ล้านบาท เติบโต 8% แต่กําไรลดลง 4% เหลือ 1,955 ล้านบาท
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มยอดขายปี 2565 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง นอกจากธุรกิจสีที่ส่วนแบ่งตลาด ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 50% จาก 48.7% จะมีการขยายตลาดวัสดุก่อสร้างครบวงจรมาก ขึ้นช่วยเสริมการเติบโต เช่น กระเบื้อง อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และ เครื่องมือต่างๆ ล่าสุด เตรียมเข้าซื้อ บริษัทยิปมันเทค ซึ่งผลิตแผ่นยิปซัม สัดส่วน 51% ใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรปี 2565 ตั้งงบลงทุนเพิ่มอีก 800 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต เราคงประมาณการคาดยอดขาย 19,000 ล้านบาท เติบโต 8% แต่จะถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่เกี่ยวกับน้ำมัน (สัดส่วนต้นทุน 13%) และ Tio2 (สัดส่วนต้นทุน 20%) ที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ TOA ก็มีการปรับราคาขึ้นชดเชย รวมแล้วคาดกําไรเท่ากับ 2,135 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 9%YoY
คำแนะนำการลงทุน
TOA มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือ และเงินลงทุนระยะสั้นสูง 7.6 พันล้านบาท มีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง จ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 0.19 บาท เมื่อรวมครึ่งปีแรก 0.31 บาท รวมจ่ายปี 2564 เท่ากับ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.2% เราประเมินราคาเป้าหมาย 37 บาท บนฐาน Forward P/E เฉลี่ยประมาณ 35 เท่า เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน
ความเสี่ยง
ภาวะเศรษฐกิจก่อสร้างในภูมิภาคและในประเทศ / ต้นทุนวัตถุดิบหลักเป็นไปตามราคาน้ำมัน ภาวะการแข่งขันกับบริษัทคู่แข่ง / การแพร่ระบาดของ Covid-19