บล.ทรีนีตี้:
เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส – JMT
กำไร 4Q64 ทํา New High แนวโน้มปี 65 ยังสดใส
- กำไร 4Q64 อยู่ที่ 477 ล้านบาท ดีขึ้น 36%QoQ และ 45%YoY ดีกว่าคาด และทำ New High รายไตรมาส
- รายได้รวมปรับตัวดีขึ้น โดยคาดเป็นผลบวกจากการเปิดเมือง ฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้น และการรับรู้รายได้จากหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง โดยอาจเป็นผลจากการกลับสำรองหนี้
- แนวโน้มปี 65 ยังสดใส โดยจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้น และการตัดต้นทุนหนี้หมดอย่างต่อเนื่อง
- การเพิ่มทุนเมื่อปลายปี 64 ได้สะท้อนหลังประกาศงบ ทำให้ PBV ลดลงอย่างมาก
- คงราคาเป้าหมาย 77 บาท แนะนำ “ซื้อ” มองธุรกิจกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตสูง
กำไร 4Q64 ทำ New High สูงกว่าคาด
JMT ประกาศกำไร 4Q64 ที่ 477 ล้านบาท ดีขึ้น 36%QoQ และ 45%YoY ทำ New High สูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า 18% โดยในแง่ของรายได้รวมปรับตัวดีขึ้น 12%QoQ หลังรายได้จากการให้บริการติดตามหนี้เพิ่มขึ้น 11%QoQ โดยคาดว่าเป็นผลจากยอดติดตามหนี้ที่ดีขึ้นภายหลังการเปิดเมืองในเดือน พ.ย. 64 เช่นเดียวกับธุรกิจบริหาร NPL ที่มีกระแสเงินสดจากการจัดเก็บเพิ่มขึ้นถึง 10%QoQ มาอยู่ที่ 1,370 ล้านบาท ซึ่งเป็น New High รายไตรมาส บวกกับผลของการตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่หมดใน 2Q64 และการลงทุนซื้อหนี้ที่เร่งตัวในช่วง 3Q64 ทำให้รายได้จากธุรกิจบริหาร NPL ที่เติบโต 12%QoQ ขณะที่ต้นทุนในการให้บริการเพิ่มขึ้น 16%QoQ ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 48%QoQ โดยคาดว่ามีการกลับสำรองบางส่วนจากประมาณการยอดจัดเก็บที่ดีขึ้น
ปี 65 แนวโน้มยังสดใส New High ต่อ
เราคาดกำไรปี 65 จะเติบโตราว 46%YoY ทำ New High ใหม่ที่ระดับ 2,046 ล้านบาท โดยธุรกิจบริหาร NPL จะได้รับผลบวกจากฐานหนี้ที่ใหญ่ขึ้นจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และยังมีผลจากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น หลังบริษัทได้ตัดต้นทุนหนี้หมดอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจให้บริการติดตามหนี้มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินได้สิ้นสุดตั้งแต่ปลายปี 64 ทำให้คาดหนี้ที่รับติดตามจะขยายตัวขึ้น ด้านการจัดตั้ง JV กับ KBANK คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1H65 และจะเริ่มดำเนินการได้ใน 2H65 ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนผลการดำเนินงานได้ ขณะที่การจัดตั้ง JV กับสถาบันการเงินอื่น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนใน 2H65 เช่นกัน
คงราคาเป้าหมาย 77 บาท
เราคงราคาเป้าหมายที่ 77 บาท อิงวิธี DCF (WACC 7.4%, G 5%) บวกกับการประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.42 บาท (XD 19 เม.ย. 64) ทำให้ Upside รวมยังดึงดูด จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยมองความน่าสนใจ คือ ธุรกิจกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตสูงจากสถานการณ์หนี้ในประเทศที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และได้หมดมาตรการช่วยเหลือ สอดรับกับการเพิ่มทุนของบริษัทใน 4Q64 ทำให้มีเงินทุนพร้อมในการลงทุน
ความเสี่ยง: สภาวะเศรษฐกิจอาจส่งผลต่ออัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสด และในกรณีที่การซื้อหนี้ของบริษัททำได้ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ซึ่งอาจมีผลต่อกระแสเงินสด