บล.พาย:

COM7: 5G จะขับเคลื่อนกําไรตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป

เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” และเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้น 34% เป็น 92.50 บาท อิง 34.5xPE’22E หรือคิดเป็น +0.25SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี คำแนะนำนี้สะท้อนศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของยอดขายมือถือจากการใช้บริการ 5G

  • ลดเป้าหมาย PE เป็น +0.25SD จาก +1SD เพื่อสะท้อนทิศทางกำไรที่ชะลอลง เชื่อว่าจะไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของกำไรปกติที่ 45% เหมือน 2 ปีก่อนได้
  • คาดกำไรโตแข็งแกร่งในปี 2022 ที่ +23% หนุนจากยอดขาย iPhone 14 ที่แข็งแกร่งจากอัตราการเข้าถึงอุปกรณ์ 5G มากขึ้น
  • คาดทิศทางกำไรจะอ่อนตัวลงใน 1Q22 และ 2Q22 จะกลายเป็นจุดต่ำของปี สืบเนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาล ราคาหุ้นที่อาจปรับลดลงจึงกลายเป็นโอกาสในการเข้าสะสมที่ดีเพื่อรอการฟื้นตัวในช่วง 2H22

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022-23 เพื่อสะท้อนยอดขายมือถือที่แข็งแกร่ง และการอัปเกรดเป็นอุปกรณ์ 5G

คาดกำไรปี 2022 จะโต 23% YoY จากรายได้ที่โตขึ้น เชื่อว่ารายได้จะโต 31% YoY หนุนจากยอดขายมือถือที่เติบโตอย่างน่าประทับใจ คาดว่าคนไทยจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ใช้อุปกรณ์ Apple จะอัปเกรดมือถือของตนเพราะแอป 5G เริ่มมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น โดย ณ 4Q21 ไทยมียอดผู้ใช้บริการ 5G ทั้งสิ้น 4.2 ล้านราย คิดเป็นอัตราการเข้าถึง 5G ที่ 4.4% ขณะที่ Huawei Technologies เชื่อว่าอัตราการเข้าถึง 5G ในไทยจะแตะ 16% ในปี 2022 ผลประกอบการ 4Q21 ของบริษัทอาจดูไม่สูงนักเมื่อเทียบกับศักยภาพในปี 2022 และหลังจากนั้น เพราะอัตราการเข้าถึง 5G ที่ 4.4% ในปี 2021 ได้รวมยอดขายที่ยอดเยี่ยมของ iPhone 13 เข้ามาแล้ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่รองรับ 5G

ปรับเพิ่มกำไรปี 2023 ขึ้น 24% เพราะโอกาสทางธุรกิจจาก 5G เชื่อว่า 5G จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายมือถือต่อเนื่องในปี 2023 เมื่อถึงตอนนั้นก็คาดว่าแอป 5G จะแพร่หลายมากขึ้น คาดยอดขายมือถือจะยังเป็นสัดส่วนก้อนหลักต่อกำไรของบริษัทในช่วงปี 2022-25

ลดมูลค่าตัวคูณลงเล็กน้อย เพื่อสะท้อนภาพรวมการเติบโตของกำไรที่ต่ำกว่าปี 2021

ลดมูลค่าตัวคูณลง 12% เป็น 34.5xPE’22 เพื่อสะท้อนทิศทางกำไรที่ชะลอลง ปรับลดมูลค่าตัวคูณลงเล็กน้อย เพราะเชื่อว่าการเติบโตของกำไรปี 2022 จะไม่สูงเท่าปี 2021 แต่คาดว่าหุ้นจะซื้อขายใกล้เคียงระดับปัจจุบันต่อไป

บริษัทมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2021 และเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นสูงคือการสะท้อนถึงภาพดังกล่าว ขณะที่คาดว่ากำไรปี 2022 จะไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างในปี 2021 ได้เพราะฐานที่สูง จึงตัดสินใจลดมูลค่าตัวคูณลง แต่ก็ยังคาดถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2022 ซึ่งยังไม่สะท้อนผ่านราคาหุ้น โดยเชื่อว่าพฤติกรรมการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในช่วงโควิด-19 จะดำเนินต่อไปหลังคลายล็อกดาวน์แล้ว

สรุปผลประกอบการ 4Q21

  • กำไรสุทธิ 4Q21 แตะจุดสูงที่ 909 ล้านบาท (+61%YoY, +59%QoQ)
  • ยอดขายอยู่ที่ 1.76 หมื่นล้านบาท (+41%YoY, +74%QoQ) จากความนิยมใน iPhone 13 และ iPad
  • GPM ใน 4Q21 ลดลงเหลือ 12.7% (-2.2ppts QoQ) ฉุดจากส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่หนักไปทางกลุ่มมือถืออัตรากำไรต่ำมากขึ้น
  • กำไรสุทธิทั้งปี 2021 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ดีกว่าประมาณการทั้งปี 42% ถือเป็นภาพเชิงบวกมากๆ เมื่อพิจารณาถึงการปิดให้บริการร้านจากมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้

ภาพรวมปี 2022-23

  • คาดกำไรสุทธิโตเป็น 3.2 พันล้านบาท (+23%YoY) หนุนจากยอดขาย iPhone 14 เพราะมีแนวโน้มที่ผู้คนจะอัปเกรดมือถือของตนเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่น 5G
  • เชื่อว่าการถือครองอุปกรณ์ดิจิทัลจํานวนมากจากแรงกระตุ้นของสถานการณ์โควิด-19 จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของชีวิตประจำวัน ซึ่งจะหนุนให้อุปกรณ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดมีอุปสงค์รองรับอย่างต่อเนื่อง

Revenue breakdown

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่ โทรศัพท์มือถือที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ซึ่งคิดเป็น 56% ของรายได้รวมของ COM7 ในปี 2021

แล็บท็อป คิดเป็น 12% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยแบรนด์ Apple MacBook, Acer, Asus, Dell, HP, Lenovo และ MSI

อุปกรณ์เสริมและนาฬิกา หรืออุปกรณ์ไอทีและสินค้าเสริมที่มีอุปกรณ์อัจฉริยะ (14% ของรายได้รวม) ตัวอย่างเช่น Apple Watch ลำโพง หูฟัง แฟลชไดรฟ์ เมาส์ คีย์บอร์ด ที่ชาร์จมือถือ และเคสโทรศัพท์

แท็บเล็ต คิดเป็น 15% ของรายได้ทั้งหมด บริษัทจำหน่ายแท็บเล็ตหลากหลายแบรนด์ ประกอบด้วย Apple (iPad), Lenovo, Acer, ASUS และ Microsoft

เดสก์ท็อป (คิดเป็น 2% ของรายได้รวม) ประกอบด้วย Acer, Asus, Dell, HP, Lenovo ส่วนธุรกิจบริการ (คิดเป็น 1% ของรายได้รวม) เป็นการขายซิมการ์ดใน True shop และ iCare สำหรับผลิตภัณฑ์ Apple

- Advertisement -