บล.พาย:
RJH: กําไร 4Q21 โต YoY แต่ลดลง QoQ
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 33.50 บาท อิง 19.14xPE’22E คิดเป็น +1SD ต่อค่าเฉลี่ย 3 ปี แม้กำไรอาจ ลดลงมากในปี 2022 แต่ทำเลเชิงยุทธศาสตร์บวกกับมูลค่าหุ้นที่ไม่แพงเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์ไทย สะท้อนโอกาสในการเทรดที่ดี
- กำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 283 ล้านบาท (+96%YoY, -42%QoQ) เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ที่อ่อนแอ QoQ และอัตรากำไรที่ลดลงจากส่วนแบ่งของเคสโควิด-19 ที่ลดลง
- กำไรทั้งปี 2021 อยู่ที่ 1.01 พันล้านบาท +145% YoY มีแรงหนุนจากส่วนแบ่งที่สูงขึ้นจากบริการเคสโควิด- 19
- คาดว่า 1Q22 จะโตต่อเนื่องในเชิง YoY แต่ลดลง QoQ เพราะขาดเคสรุนแรง แม้ยอดผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอนจะสูงขึ้นและมีรายได้จากบริการวัคซีนเพิ่มเข้ามาก็ตาม
- คงมุมมองเชิงบวกแม้คาดกำไรปี 2022 จะลดลง 49% ถ้าไม่รวมรายได้เคสโควิด-19 ก็คาดว่ากำไรปกติจะโต 14%/31% ในปี FY2022-23E เมื่อเทียบกับปี FY2019
- ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 1 บาท/หุ้น ขึ้น XD 10 พ.ค.
เคสโควิด-19 ที่สูงขึ้นคือปัจจัยสำคัญในระยะสั้น
- คาดรายได้ 1Q22 โต YoY แต่ลดลง QoQ เพราะขาดเคสรุน แรงแม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอนจะสูงขึ้นก็ตาม ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อเคลื่อนตัวในระดับ 2.1 หมื่นเคส/วัน เทียบกับช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่โรงพยาบาลรับเคสในระดับ 2.3 พันเคส/วัน ทั้งนี้ บริษัทจะได้ประโยชน์จากการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR และ ATK ที่สูงขึ้น บวกกับส่วนแบ่งเพิ่มเติมจากบริการฉีดวัคซีน Moderna (4.5 หมื่นโดส) ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น
- โดยสรุปแล้วยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2022-23 แม้คาดว่ากำไรปี 2022 จะลดลง 49% ถ้าไม่รวมรายได้เคสโควิด-19 ก็คาดว่ากำไรปกติจะโต 14%/31% ในปี FY2022-23E เมื่อเทียบกับปี FY2019 หลังจากจำนวนผู้ป่วยเงินสดฟื้นตัวขึ้นจากการเพิ่มห้องตรวจอีก 4 ห้อง ซึ่งจะช่วยหนุนจำนวนผู้ป่วย OPD IPD และประกันสังคมให้สูงขึ้นได้ เมื่ออิงจากขีดความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งใน จ.อยุธยา รวมถึงความเสี่ยงไม่มากที่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะลดลง และรายได้จากบริการวัคซีน Moderna ทั้งนี้ ประมาณการปี 2022-23 จึงยังมีพื้นที่ในการปรับเพิ่มขึ้นจาก upside ของ 3 โครงการใหม่ในแผนงาน
สรุปผลประกอบการ
- กำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 283 ล้านบาท (+96%YoY, -42%QoQ) เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ที่อ่อนแอและอัตรากำไรที่ลดลง นับว่าต่ำกว่าคาด
- อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลง 14ppts QoQ เป็น 44% จาก 57% ใน 3Q21 สืบเนื่องจากส่วนแบ่งเคสโควิด-19 ที่ลดลงในกลุ่ม IPD แต่โตขึ้น YoY เพราะรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้มีประสิทธิภาพต่อขนาดกิจการ
- รายได้อยู่ที่ 910 ล้านบาท ลดลง 20%QoQ จากรายได้เคสโควิด-19 ที่ลดลง ขณะที่โตขึ้น 81%YoY จากรายได้นอกกลุ่มประกันสังคมที่สูงขึ้น
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายยังอยู่ที่ 5% จาก 3Q21 แต่ลดลง 3ppts YoY เมื่อเทียบกับ 4Q20 เพราะมีรายได้ที่โตขึ้น
- กำไรทั้งปี 2021 อยู่ที่ 1.01 พันล้านบาท +145% YoY มีแรงหนุนจากส่วนแบ่งที่สูงขึ้นจากบริการเคสโควิด-19 ที่คิดเป็น 43% ของรายได้รวม
Revenue breakdown
รายได้หลักของ RJH มาจาก 1) กลุ่มคนไข้ทั่วไป และ 2) คนไข้ภายใต้ประกันสุขภาพที่คุ้มครองโดยรัฐ โดย สามารถแบ่งกลุ่มคนไข้ทั่วไปออกเป็นกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ปัจจุบัน RJH มีห้องตรวจที่ รองรับกลุ่ม OPD ที่ต้องการเข้ารับคำปรึกษาทางการแพทย์และบริหารอื่นๆ อยู่ 74 ห้อง ซึ่งคิดเป็น 16% ของรายได้ทั้งหมด
ขณะที่กลุ่ม IPD จะครอบคลุมบริการทางการแพทย์สำหรับคนไข้ที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งคิดเป็น 15% ของรายได้ทั้งหมด ปัจจุบัน RJH มีห้องรองรับกลุ่ม IPD หลากหลายประเภทรวมกัน 249 ห้อง เช่น ห้อง VIP ห้องเดี่ยว ห้องเดี่ยวพิเศษ ห้องรวม ห้อง ICU และห้องเด็กอ่อน
ทั้งยังให้บริการสำหรับคนไข้ที่ลงทะเบียนโครงการประกันสุขภาพกับรัฐบาล เช่น โครงการประกันสังคม ซึ่งคิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมด
โดยในปี 2021 บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 คิดเป็น 43% ของรายได้ทั้งหมด