Daily Focus Value and Domestic Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์ขึ้นได้ต่อเนื่องและแข็งแกร่งกว่าคาด ปิดบวก 24.54 จุด ณ สิ้นวัน หลังท่าทีของปธน.เปิดกว้างต่อเงื่อนไขการเจรจาที่มากขึ้น สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นสูงถึง 5.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4 พันลบ. (แต่พลิกมา Long SET50 Index Futures 7.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องทดสอบแนวต้าน 1,660+- จุด ตาม Sentiment บวกจากต่างประเทศที่คาดหวังว่าสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะมีทิศทางดีขึ้น หลังรัสเซียออกมาเปิดเผยว่าการเจรจามีความคืบหน้า และวันนี้จะมีการพบกันระหว่างรมว.ต่างประเทศของทั้ง 2 ฝั่ง ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรในทองคำ และเม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงกว่า 10% เมื่อคืน ช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนและเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม กรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครนเริ่มผ่อนคลาย คาดว่าโฟกัสของตลาดจะกลับมาอยู่ที่เงินเฟ้อ และนโยบายการเงินของ FED ที่จะดึงตัวขึ้น ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในสัปดาห์หน้า และโดยเฉพาะการเริ่มลดขนาดงบดุลใน 2H22 ดังนั้นกลยุทธ์เราจึงยังเน้นลงทุนในหุ้น Value และ Domestic Play ซึ่งยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลัง COVID-19 กลุ่มที่คาดว่าจะสามารถ Outperform ตลาดในระยะยาวยังคงเป็น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP

หุ้นเด่นวันนี้ : SC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
  • เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตปีนี้ โดยผู้บริหารตั้งเป้าหมายเชิงรุก ทั้งเป้ารายได้ 2.2 หมื่นลบ. +13% Y-Y และแผนเปิดโครงการใหม่ 27 โครงการรวม 4 หมื่นลบ. มากกว่าปีก่อนๆอย่างมีนัยยะ สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริหารต่อภาพอุตสาหกรรมที่เป็นบวก
  • เราคาดกำไรปี 2022 +17 Y-Y ขณะที่ Valuation ถูกเป็นอันดับต้นๆของกลุ่ม เทรด PER และ PBV เพียง 7 เท่า และ 0.8 เท่า ตามลำดับ
  • แนวรับ 3.80//3.70 บาท แนวต้าน 4//4.10 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$2,544 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,152 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินพลิกไหลออก นำโดยอินโดนีเซีย และสูงถึง US$794 ล้าน ส่วนไทยไหลออกเช่นกัน US$121 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดชะลอการไหลออก จากความคาดหวังการเจรจาระหว่างรัสเซีย ยูเครนวันนี้ที่มีโอกาสเห็นพัฒนาการเชิงบวก

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) วันนี้จับตาการเจรจารอบ 4 รัสเซีย-ยูเครน และเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยรมว. ต่างประเทศจะได้พบกันที่ตุรกี ซึ่งตลาดคาดหวังพัฒนาการเชิงบวกที่มากขึ้น หลังท่าทีของปธน.ยูเครนดูเปิดกว้างมากขึ้นต่อเงื่อนไข 4 ข้อของรัสเซีย  นอกจากนี้ให้ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ก.พ. โดยตลาดคาด +0.8% M-M, +7.9% Y-Y หากออกมาสูงกว่า คาดจะกดดันบรรยากาศการลงทุนเพิ่มเติมในระยะสั้นก่อน FED ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

(0) JWD ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ 1 หมื่นลบ.และ Net margin 15% ภายใน 5 ปี เท่ากับรายได้จะโตเฉลี่ย 14% CAGR และกำไรโตเฉลี่ย 21% CAGR สูงกว่าคาดการณ์กำไรของเราที่ +16% CAGR เพื่อสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว เชื่อว่าจะมีดีล M&A อีกหลายดีลในอนาคต เราคาดว่าบริษัทมีรูมในการก่อหนี้อีกเกือบ 1 พันลบ.โดยไม่เกินเงื่อนไขเจ้าหนี้ บวกกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอีกกว่า 1 พันลบ. เพียงพอสําหรับงบลงทุนปีนี้ที่ 1.5-1.8 พันลบ. ซึ่งเผื่อ M&A ไว้แล้วส่วนหนึ่ง แต่หากดีลมีขนาดใหญ่ การเพิ่มทุนก็เป็นไปได้ เราไม่มองเป็นลบ หากบริษัทจะเพิ่มทุนเพื่อสร้างการเติบโต ยังคงราคาเป้าหมาย 23 บาท แนะนำรอความชัดเจนจากการประชุมบอร์ด (14 มี.ค.)

(+) TASCO ระยะสั้นมีประเด็นหลังสหรัฐฯเสนอยกเลิกแบนการซื้อน้ำมันจากเวเนซูเอล่า เพื่อชดเชยการแบนน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งหากสหรัฐฯปลดล็อคและให้ทั่วโลกกลับมาซื้อน้ำมันจากเวเนซูเอล่าได้ จะเป็นบวกต่อ TASCO อย่างมีนัยยะ เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำมันหลักที่ใช้เดิม และโรงกลั่นออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการกลั่นดีขึ้น ซึ่งหากปัจจัยดังกล่าวเกิดขึ้นจะเป็นบวกต่อประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของ FSSIA ปัจจุบันที่ 22.50 บาท เชิงกลยุทธ์แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) PYLON ข้อมูลจาก Opp Day วานนี้โทนบวก ปัจจุบัน Backlog อยู่ที่ 1.5 พันลบ. สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาสหลังได้งานโครงการใหญ่เพิ่ม ทำให้แนวโน้ม Utilization Rate เครื่องจักรจะทยอยปรับตัวขึ้น และสูงสุดใน 2Q22-3Q22 ส่วนด้านต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันไม่กระทบต่อ Gross Margin อย่างมีนัยยะ รวมถึงลักษณะงานที่เป็นระยะสั้น ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ไม่ยาก ขณะที่แรงงานปัจจุบันยังเพียงพอ เราคาดกำไรปีนี้ +336% Y-Y ยังคงราคาเป้าหมาย 5.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 653.61 จุด หรือ 2.00% ปิดที่ 33,286.25 จุด จากความคาดหวังสงครามในยูเครนใกล้ยุติลง หลังจากมีข่าวว่ายูเครนได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติก เหนือ (นาโต)

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลักๆจากการปรับขึ้นหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่ม ผู้ผลิตรถยนต์ และกลุ่มสันทนาการ หลังมีข่าวความคืบหน้าการเจรจารัสเซียและยูเครน

(+) ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้น หลังราคาน้ำมันปรับลง ทำให้คลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 15 ดอลลาร์ หรือ 12.1% ปิดที่ 108.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศสนับสนุนการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบวิกฤตการณ์พลังงานที่เกิดขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 55.1 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 1,988.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีรายงานว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้า

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,063.28 / -4.06

- Advertisement -