ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ฟื้นตัวต่อ คาดหวังการสู้รบในยูเครนจะยุติโดยเร็ว
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ฟื้นตัวต่อ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์แรงกว่าที่เราคาด หนุนโดยข่าวบวกที่เข้ามาในช่วงสาย ได้แก่ การที่ยูเครนแถลงว่าจะไม่เข้าร่วมกับ NATO ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่รัสเซียเรียกร้องเพื่อยุติสงคราม ด้านนักลงทุนสถาบันฯ กลับมาซื้อสุทธิหนัก… ขณะที่ในวันนี้ยังคงมีปัจจัยบวกหนุนสินทรัพย์เสี่ยง i) ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปแรลลี่เมื่อคืนนี้ ตอบรับความคาดหวังต่อการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน (อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เนื่องจากทางยูเครนยังคงยืนยันไม่ยอมรับเอกราชของ 2 แคว้นที่หนุนรัสเซีย และไม่ยอมเสียพื้นที่ของประเทศให้กับรัสเซีย) ii) ราคาน้ำมันดิบปรับลงแรง หลังจาก UAE เรียกร้องให้กลุ่ม OPEC+ ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ และอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการพัฒนานิวเคลียร์ ซึ่งอาจเปิดทางให้อิหร่านเพิ่มการส่งออกน้ำมันได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ในวันนี้ นักลงทุนยัง ควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่เงินเพื่อผู้บริโภค ก.พ. ซึ่ง consensus คาดว่า headline CPI และ Core CPI จะเพิ่มขึ้น 7.9% YoY และ 6.4% YoY ตามลำดับ… ด้านปัจจัยภายในประเทศ ทางการไทยแถลงยืนยันจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร จนกว่าฐานะการคลังจะทำไม่ได้ และเช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ที่ 22,984 ราย เสียชีวิต 74 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 24,161 ราย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร SCB*, BEC*, III
- SCB (เป้าพื้นฐาน 163 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 115 บาท / แนวต้าน 118 – 121 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินแนวต้านถัดไป +/-125 บาท (Stop loss 110 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ KBANK* ซึ่งอัตราส่วนราคาระหว่าง SCB* / KBANK* ล่าสุด หลุดกรอบล่างของ Bollinger band -2SD (ระยะเวลา 200 วัน) … คาดหวัง Mean reversion นักลงทุนอาจพิจารณาเปิด Long SCB และ Short KBANK พร้อมกัน (Pair trade) 3) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ SCB จะเข้าสู่ช่วงของการเติบโต หลังการแลกหุ้นเป็น SCB X เสร็จสิ้นในเดือน เม.ย. (คาดหุ้นใหม่พร้อมเข้าเทรดในเดือน พ.ค.) เนื่องจากคาด SCB X จะสามารถเปิดเกมรุกธุรกิจ Non Bank ได้เต็มที่ 4) Valuation กลับมาไม่แพง โดย PBV ล่าสุด 0.9 เท่า กลับมาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี
- BEC* (เป้าพื้นฐาน 18 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 16.6 บาท / แนวต้าน 17.0 บาท หาก ผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้านถัดไป 17.3 – 17.8 บาท (Stop loss 16.0 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ยังโตต่อเนื่อง +46% YoY หลัง Turnaround ในปีก่อน โดยเราประเมินสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลงจะเป็นบวกต่อการผลิตรายการ + รายได้ค่าโฆษณาคาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง 3) ประเมิน Upside จากธุรกิจใหม่ๆ เพลง ภาพยนตร์ และโอกาสต่อยอดไปธุรกิจ NFT ขณะที่เราประเมินผลกระทบด้านลบจากต้นทุนพลังงานที่ปรับขึ้นในขณะนี้
- III (เป้า Consensus 20.48 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.3 บาท / แนวต้าน 16.0 – 16.3 บาท หาก ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินแนวต้านถัดไป +/- 17 บาท (Stop loss 15.0 บาท) 2) ประเมินการขนส่งระหว่างประเทศยังขยายตัว แม้ชะลอตัวลงชั่วคราว QoQ ใน 1065 (Low season) โดยค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ยังอยู่ระดับที่สูงมากเทียบ YoY ขณะที่จุดเด่นของธุรกิจตัวกลางอย่าง III คือ ความเสี่ยงเรื่องต้นทุนน้ำมันในการเดินเรือขนส่ง 3) Upside i) คาดปีนี้เริ่มขนส่งสินค้าผ่านระบบราง (รถไฟจีน-ลาว) ii) คาดเส้นทางการขนส่งที่ผ่านยุโรปมีโอกาสปรับขึ้นจากการคิดค่าธรรมเนียม War risk surcharge หรือต้องยอมอ้อมเพิ่มระยะทางขนส่ง iii) คาดมีโอกาสที่จะเกิดการเร่งนำเข้าสินค้าเพื่อสต๊อก หากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ
หุ้นมีข่าว
(+) TQR เตรียมผนึกกำลัง TQM ดันธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อสู่สากล (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ที คิว อาร์ เผย “อัญชลิน พรรณนิภา-นภัสนันท์ พรรณนิภา” ซื้อหุ้นจำนวนรวม 102 ล้านหุ้น หรือ 44.35% ของหุ้นทั้งหมดของ TQR ราคาหุ้นละ 5.10 บาท คาดเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR หลังจากที่ “ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น” ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 28 เมษายนนี้
(+) THG-VIBHA-RAM ร่วมทุนสร้างรพ.ใหม่มูลค่า 2.7 พันล. (ทันหุ้น) THG-VIBHA-RAM เตรียมตั้ง บริษัทร่วมทุนสร้างโรงพยาบาลใหม่ “โรงพยาบาลธนบุรี รังสิต” ขนาด 250 เตียง มูลค่าการลงทุน 2,700 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างภายในปี 2556 และเปิดให้บริการได้ไตรมาส 2/2568
(+) BA ยอดผู้โดยสารฟื้น 40% เป้าปี 66 ผลงานพลิกบวก (ทันหุ้น) BA ตั้งเป้าปี 2566 เริ่มมีกำไร หลังผู้โดยสารฟื้นตัวเฉลี่ย 90% เมื่อเทียบกับสถานการณ์ก่อนโควิด-19 และเดินหน้าปรับลดต้นทุน ส่วนปีนี้คาดมีรายได้ 8,175 ล้านบาท ปริมาณเที่ยวบิน 3.4 หมื่นเที่ยว และปริมาณผู้โดยสาร 2.64 ล้านราย เตรียมเปิดเส้นทางบินเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ
(+) PLANB* ปรับเป้ารายได้โต 6.3 พันล. (กรุงเทพธุรกิจ) “แพลนบี” ปรับเป้าหมายรายได้ปี 65 โต 6-6.3 พันล้าน เดิม 5.8 พันล้าน หลังแนวโน้มของเม็ดเงินใช้สื่อโฆษณาเติบโตขึ้น พร้อมรับรู้รายได้ “อควา” ที่มีความร่วมมือทางธุรกิจกันเข้ามามากขึ้น สนับสนุนการเติบโตปีนี้
(0) กฟผ.พร้อมเพิ่มทุน RATCH* เตรียมใส่เงิน 1.12 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) “กฟผ.” ลั่นในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือ 45% ใน RATCH* พร้อมใส่เงินเพิ่มทุนจากเวิร์กกิ้งแคปฯ กว่า 1.12 หมื่นล้านบาท เหตุ RATCH* เป็นหุ้นปันผลดี-ขยายพอร์ตลงทุนโตต่อเนื่อง หลัง RATCH” เดินหน้าแผนเพิ่มทุน 2.5 หมื่นล้านบาท คาดเปิด จองซื้อหุ้น PPO ช่วงวันที่ 6-10 มิ.ย.นี้
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- หุ้นที่แนะนำ Let profit run” โดยกำหนดจุดล็อกกำไร หากต่ำกว่า Trailing stop: BH* (Trailing stop 164 บาท)
- OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 13.5 บาท / แนวต้าน 14.0 – 14.8 บาท (Stop loss 13.2 บาท)
- PLANB* (เป้าพื้นฐาน 10 บาท) แนวรับ 7.65 บาท / แนวต้าน 8.0 – 8.4 บาท (Stop loss 7.65 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มสื่อ น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯยังคงประเมินการฟื้นตัวในปี 2565 โดยประเมินผลการดำเนินงานของกลุ่มผ่านจุดต่ำสุดในปี 2564 ไปแล้ว และรายได้การโฆษณาจะเริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ เลือก MAJOR และ PLANB เป็นหุ้นเด่น โดยคาดการณ์กำไรปีนี้โตเด่น YoY และราคาหุ้นยังมี Upside จากราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยฯ ทั้งนี้ราคาเป้าหมาย MAJOR* และ PLANB* เท่ากับ 26.75 บาท และ 10 บาท ตามลำดับ