บล.พาย:
ILM: ภาพรวมกำไรเป็นบวกในปี 2022-24
ให้น้ำหนักเป็นบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 21.0 บาท อิง 18xPE’22E หรือคิดเป็น +1SD ต่อค่าเฉลี่ย 3 ปี และคิดเป็นส่วนลด 50% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน
- คาดกำไรจะโตเป็น 764 ล้านบาทในปี 2024 หรือโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ +19% ในปี 2022-24 จาก CAGR -5% ในปี 2019-21 ทั้งนี้ได้แรงหนุนมาจาก 1) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และยอดขายออนไลน์ที่แข็งแกร่ง 2) รายได้ค่าเช่าที่ฟื้นตัวดี 3) ส่วนแบ่งกำไรจาก COM7 ที่สูงขึ้น 4) ช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ (การรับผลิต (OEM) ให้กับบริษัทในประเทศ) และ 5) การคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บริษัทมีเป้าหมายขยายสาขาใหม่ 1-2 แห่งต่อปี ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป เพื่อรองรับการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด-19
- ผู้บริหารตั้งเป้า SSSG สำหรับปี 2022 ในหลักสิบจาก 1% ในปี 2021 (หากไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน SSSG จะอยู่ที่ +2%YoY ในปี 2021)
ตั้งเป้าขยายสาขา 1-2 แห่งต่อปี ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป
- คาดกำไรจะโตเป็น 764 ล้านบาทในปี 2024 ด้วย CAGR ที่ +19% ในปี 2022-24 จาก CAGR -5% ในปี 2019-21 ทั้งนี้ได้แรงหนุนมาจาก 1) SSSG และยอดขายออนไลน์ที่แข็งแกร่ง 2) รายได้ค่าเช่าที่ฟื้นตัวดี 3) ส่วนแบ่งกำไรจาก COM7 ที่สูงขึ้น 4) ช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ (OEM ให้กับบริษัท ในประเทศ) และ 5) การคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ในลาดกระบังภายในสิ้นปี 2022 (+3%YoY) จาก 31 สาขาในปี 2021 เชื่อว่าสาขาใหม่จะสร้างรายได้และกำไรได้ตั้งแต่ปีแรกของการดำเนินงาน เพราะตั้งอยู่ในทำเลทอง ตรงข้ามกับโรบินสัน ลาดกระบัง ซึ่งใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิ
- บริษัทมีเป้าหมายขยายสาขาใหม่ 1-2 แห่งต่อปี ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป เพื่อรองรับการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด-19
SSSG ยังแข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19
- ผู้บริหารตั้งเป้า SSSG สำหรับปี 2022 ในหลักสิบจาก -1% ในปี 2021 (หากไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน SSSG จะอยู่ที่ +2%YoY ในปี 2021)
- ผู้บริหารระบุว่าหากไม่รวมรายได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน SSSG สำหรับเดือน ม.ค. – ก.พ. 2022 จะฟื้นตัวแข็งแกร่งในระดับหลักสิบ ด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ (ช้อปดีมีคืน) บวกกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นฟูขึ้นหลังอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้น
สรุปผลประกอบการ
- กำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 151 ล้านบาท (+6%YoY, +170%QoQ) แตะจุดสูงรอบ 9 ไตรมาส และนับว่าสูง กว่าคาด แต่สอดคล้องกับประมาณการของตลาด
- กำไร 4Q21 ที่โตขึ้น YoY และ QoQ ได้แรงหนุนจากรายได้ที่โตขึ้น หลังจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวขึ้น +14.8%YoY และยอดขายออนไลน์ที่แข็งแกร่ง +89%YoY
- รายได้อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (+10%YoY, +27%QoQ) สูงสุดตั้งแต่ 1Q20
- GPM ใน 4Q21 ลดลงเหลือ 41.6% จาก 45.2% ใน 4Q20 และ 43.8% ใน 3Q21 เพราะเจอแรงกดดันจาก 1) ต้นทุนวัตถุดิบ (แผ่นไม้อัด) ที่สูงขึ้น 2) แคมเปญการตลาดที่มีมากขึ้นในช่วงไตรมาส และ 3) การขาย ล้างสต็อก และการตั้งสํารองสินค้าคงคลังตกรุ่นในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า
- อัตราส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 33.5% ลดลงจาก 35.3% ใน 4๐20 จากรายได้ที่สูงขึ้น
Revenue breakdown
รายได้การขายผ่านร้านค้าปลีกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม ILM ประกอบธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านค้าของตัวเอง ที่เป็นแหล่งรวมสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งบ้านและสำนักงาน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในบ้าน บริษัทยังมีการจัดจำหน่ายสินค้ารูปแบบ e-commerce ผ่านเว็บไซต์ของตัวเองอีกด้วย ซึ่งยอดขายออนไลน์นั้นคิดเป็น 13% ของยอดขายรวม
ธุรกิจขายงานโครงการคิดเป็น 7% ของรายได้รวม โดยมีการจัดจำหน่ายสินค้าที่ผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ (4% ของรายได้รวม) ผ่านสาขาแฟรนไชส์และตัวแทนจำหน่าย ทั้งยังรับจ้างผลิต (OEM) งานโครงการให้กับลูกค้าในปากีสถาน เมียนมา เวียดนาม และอินโดนีเซีย บริษัทมีดีลเลอร์ภายในประเทศ 25 รายที่กระจายอยู่ตามเมืองหลักๆ ที่ส่วนใหญ่จะจำหน่ายสินค้าแบรนด์ WINNER (1% ของรายได้รวม)