Our View? ” ไม่เป็นดังหวัง”

คาดตลาดวันนี้ “ย่อ” มองแนวรับท่ีบริเวณ 1,635/1,625 แนวต้านที่บริเวณ 1,660/1,670 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ หลังการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซีย- ยูเครนครั้งที่ 4 ยังไม่ประสบความสำเร็จเมื่อคืนนี้ กระตุ้นความกังวลสงครามทั้ง 2 ประเทศยังคงมีแนวโน้มยืดเยื้อต่อไป กดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เรามองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) เช้านี้ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยรุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.9794% (+1.71%) ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ในภาพระยะสั้นสะท้อนนักลงทุนบางส่วนยังคงขายพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ปลอดภัย และมีแนวโน้มกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง บ่งชี้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติยูเครนน้อยลง แม้จะไม่สามารถหาข้อยุติในการเจรจาหยุดยิงได้

อีกทั้งเมื่อคืนนี้ผลประชุม ECB ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด แต่ส่งสัญญาณยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า โดยจะยุติการซื้อพันธบัตรใน 3Q’65 โดยเป็นการปูทางสู่การปรับข้ึนดอกเบี้ยในระยะถัดไป เพื่อสกัดการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งยุติโครงการซื้อพันธบัตรตาม มาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโร ในสิ้นเดือนนี้ และลด การซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ Asset Purchase Programme (APP) ลดเดือนละ 1 หมื่นล้านยูโร ตั้งแต่เดือนเม.ย. – มิ.ย. ซึ่งจะทำให้วงเงินดังกล่าวลดลงจากระดับ 4 หมื่นล้านเป็น 2 หมื่นล้าน ในเดือน มิ.ย. และพิจารณาใหม่ตามข้อมูลที่ได้รับอีกคร้ัง เรามองเป็นสัญญาณเชิงลบ บ่งชี้กระแสเงินทุนส่วนเกินจากยูโรโซนมีแนวโน้มลดลงในระยะถัดไป คาดอาจกดดัน-จำกัด Upside ของตลาดได้

ในส่วนของการเปิดเผยตัวเลข CPI เดือนก.พ.ของสหรัฐเมื่อคืนนี้ ออกมา +7.9%YoY ตามที่ตลาดคาด คาดจะไม่ส่งผลให้ตลาดกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุม FOMC วันที่ 15-16 มี.ค. มากกว่า 0.25% แต่ยังต้องติดตามวิธีการและขั้นตอนในการปรับลดขนาดเงินดุล (QT) ของ FED อีกครั้งในการ ประชุมดังกล่าว

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. ยังคงอ่อนตัวลง โดยเมื่อคืนนี้ปิดที่ 106.02 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.68 ดอลลาร์ (-2.47%) โดยได้รับแรงกดดันจากรัสเซียเปิดเผยยังคงจัดส่งน้ำมันตามที่ตกลงไว้กับบรรดาผู้ซื้อ ขณะที่ UAE ส่งสัญญาณสนับสนุนการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และจะสนับสนุนให้ OPEC+ พิจารณา เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อทดแทนส่วนแบ่งการตลาดท่ีหายไปจากรัสเซียตามที่เราคาดไว้ก่อนหน้า คาดจะเป็นปัจจัย จำกัด Upside และกดดันทิศทางพลังงานปรับตัวลงได้ในระยะกลาง

สำหรับปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเพิ่มเติม ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นใน 1.) กลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, CRC, HMPRO, GLOBAL) ที่ยังมีความน่าสนใจในเชิง Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ 2.) กลุ่ม AMC (BAM, CHAYO และ JMT) ที่คาดแนวโน้มการ JV กับธนาคารพาณิชย์ คาดจะหนุนทิศทางผลกำไรในปีนี้เติบโตโดดเด่น 3.) กลุ่มขนส่ง (BTS และ BEM) คาดผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้หลังผ่านพ้นวิกฤต COVID- 19 ไปแล้ว คาดผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ อีกทั้งเราเริ่มกลับมาชอบหุ้นใน 4.) กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ TTB) อีกครั้ง หลังราคาปรับตัวลงลงกดดัน Forward P/B ลงเหลือเพียง 0.68 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ที่ระดับ 0.71 เท่า ขณะที่ Forward EPS ของหุ้นในกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ในระยะสั้นล่าสุดอยู่ท่ีระดับ 46.29 คาดมีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มธนาคารได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันน้ี “BAM”

แนวรับ 20.80 / 20.50 Target 22.40 / 23.70 Stop <19.80

- Advertisement -