Daily Focus Domestic and defensive plays

2022SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ผันผวน เปิดบวกตามตลาดต่างประเทศก่อนจะอ่อนตัวลงติดลบเล็กน้อย สิ้นวันปิดลบ 3.44 จุด นักลงทุนรอการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน สถาบันในประเทศซื้อต่อเนื่องในตลาดหุ้น 1.9 พันลบ.  ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อบางๆ 624 ลบ. (และ Long SET50 Index Futures ถึง 3.09 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ปรับตัวลงทดสอบ 1,630 +/- จุด จาก Sentiment ที่พลิกเป็นลบหลังการเจรจาระหว่างรมว.ต่างประเทศรัสเซียและยูเครนล้มเหลว ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงหรือกําหนดเส้นทางปลอดภัยสําหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศได้ สงครามส่อเค้ายืดเยื้อ ราคาน้ำมันผันผวนแต่ยืนเหนือ US$100 ต่อบาร์เรลได้ ขณะเดียวกัน ECB ส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรในโครงการ Pandemic Emergency Purchase Program วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโร สิ้นเดือนนี้และทยอยลดการชื้อพันธบัตรโครงการ APP ตั้งแต่ เม.ย. ไปจนสิ้นสุดใน 3Q22 ยุติเร็วกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้านี้ ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.พ. พุ่ง 7.9% Y-Y เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ทองคําปรับขึ้นค่าเงินดอลลาร์และเยนแข็ง หุ้นโลกปรับลง เรายังมองเหมือนเดิม หากราคาน้ำมันยืนเหนือ US$100 ต่อบาร์เรลตลอดปี EPS เสี่ยงถูกปรับลงเป็น 85+/- บาท ซึ่งจะทำให้ SET ที่เหมาะสมอยู่ที่ 1620-1,650 จุด เข้าสะสมควรต่ำกว่านั้นราว 5%

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic & defensive plays ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP

หุ้นเด่นวันนี้ : TISCO

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายของ FSSIA 110 บาท
  • จุดเด่นอยู่ที่ Dividend yield ที่สูงสุดในกลุ่มแบงก์ และเชื่อว่าจะให้ยีลด์สูงสุดต่อไปได้อีก 2-3 ปี จึงเป็นหลุมหลบภัยที่ดีในยามตลาดผันผวน โดย TISCO จะจ่ายปันผล 7.15 บาทต่อหุ้น (yield 7.3%) XD 29 เม.ย.นี้
  • กําไรอาจไม่โตโดดเด่น คาด +4% Y-Y ในปี 2022 แต่มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี เน้นสินเชื่อ High yield เพื่อผลักดัน NIM ให้สูงขึ้น และมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาก
  • แนวรับ 96 บาท แนวต้าน 99 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคแต่เบาบางลงเป็น US$241 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$353 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินพลิกไหลเข้าทั้งไทย US$18.9 ล้าน และอินโดนีเซีย US$13 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดไหลจากสงครามที่อาจยืดเยื้อ และรอการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มรับเหมาฯ มีประเด็นบวกจากการเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะจํานวน 6 สัญญา วงเงินรวม 8.2 หมื่นลบ. ในวันนี้ (11 มี.ค.) เป็นบวก โดยตรงกับผู้ชนะอย่าง CK STEC ITD NWR UNIQ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสต่อเติมงานของกลุ่มรับเหมาฐานรากอย่าง SEAFCO PYLON ซึ่งคาดเห็นความชัดเจนในการเริ่มงานหลักช่วง 4Q22 และหนุนการรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปอีก 5 ปีข้างหน้าแบบ S-Curve เราเลือก Top Pick เป็น CK (ราคาเป้าหมาย 26 บาท) และ STEC (ราคาเป้าหมาย 17 บาท)

(+) M ระยะสั้นกำไร 1Q22 จะทรงถึงปรับขึ้น Q-Q เป็นราว 400-450 ลบ.จาก SSSG ที่บวกแรงทุกแบรนด์  ส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นชดเชยได้จากการปรับขึ้นราคาอาหาร ทำให้ Gross Margin คาดยังทรงตัวได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่ได้มีการล็อกราคาวัตถุดิบในปีนี้ ทำให้ยังมีความเสี่ยงหากราคายังปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการฟื้นตัวยังแข็งแรง คาดกำไรปี 2022 โตแรงเป็น 2.2 พันลบ.จากฐานต่ำปีก่อน และขึ้นเป็น 2.5 พัน ลบ.ในปี 2023 ใกล้เคียงก่อน COVID-19 ยังคงราคาเป้าหมาย 62 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) หุ้น IPO ใหม่ JDF เป็นผู้พัฒนาสูตร ผลิต และจำหน่ายเครื่องปรุงรส ซอส ขนม ขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบ ทั้งรูปแบบ OEM และภายใต้แบรนด์ตนเอง เติบโตตามอุตสาหกรรมอาหาร มีลูกค้าหลัก เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว และร้านอาหาร และมีแผนขยายไปยังกลุ่มใหม่ เช่น อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง/พร้อมทาน, โปรตีนอบกรอบ และ Plant-based Food ในอนาคต เรามองผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปี 2021 และจะกลับมาเติบโตแข็งแกร่งในปี 2022 +120% Y-Y ประเมินราคาเป้าหมาย 4 บาท (Finansia อาจเป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 112.18 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 33,174.07 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐหลังจากเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 7.9% Y-Y ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 1982 และสูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 7.8% รวมถึงความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในสงครามรัสเซีย-ยูเครน

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลัง ECB ส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรใน 3Q22 ซึ่งเร็วกว่าตลาดคาด รวมถึงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียและยูเครน

(-) ตลาดหุ้นเอเชียปรับลง กดดันความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครนที่ยืดเยื้อหลังการเจรจาหยุดยิงวานนี้ไม่มีความคืบหน้า

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.68 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 106.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัสเซียเผยว่าจะยังคงดำเนินการตามพันธกรณีในการจัดส่งน้ำมันให้กับกลุ่มผู้ซื้อ

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 12.2 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 2,000.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อและภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,061.54 / -1.74

- Advertisement -