Our View? ”แกว่งรอ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,650 / 1,640 แนวต้านที่บริเวณ 1,665/1,670 คาดตลาดจะแกว่งตัวในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในคืนนี้และคืนพรุ่งนี้ (15-16 มี.ค.) โดยเราคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกที่ระดับ 0.25% ตามที่ตลาดคาดหลังจบการประชุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้ติดตามการเปิดเผยเกี่ยวกับแผนในการปรับลดขนาดงบดุลของ FED ในระยะถัดไป ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเร็วในการลดลงของกระแสเงินทุนส่วนเกินในตลาด คาดอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้าง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเช้านี้ รุ่นอายุ 10 ปี อยู่ท่ีระดับ 2.21383% ทำจุดสูงสุดใหม่อีกคร้ัง สะท้อนนักลงทุนบางส่วนยังคงขายพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ปลอดภัย และมีแนวโน้มกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การปรับตัวข้ึนเร็วเกินไปของ US Bond Yield คาดอาจกดดัน -จำกัด Upside ของตลาดได้บ้าง

อีกทั้งคาดตลาดยังคงมี Overhang จากการติดตามการเจรจาหยุดยิงรอบที่ 4 ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้ โดยจะเริ่มเจรจาใหม่อีกครั้งในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เรามองสถานการณ์ดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง คาดจะส่งผลให้ตลาดยังคงผันผวนได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรง ปิดที่ระดับ 103.01 ดอลลาร์/บาร์เรล -6.32 ดอลลาร์ หรือ -5.78% โดยได้รับแรงกดดันความตึงเครียดในวิกฤตยูเครนลดลง แม้จะยังไม่สามารถหาข้อตกลงระหว่างทั้ง 2 ประเทศได้ก็ตาม อีกทั้งยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลด้านอุปสงค์ที่มีแนวโน้มลดลงอีกครั้ง หลังจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้น เพื่อควบคุมการแพรร่ะบาดของ COVID-19 รวมถึงแนวโน้มการกลับมาเริ่มส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา-อิหร่าน ให้กับสหรัฐ-ยุโรป ต้ังแต่ช่วงกลางปีนี้ หากสหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา-อิหร่าน คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่นักลงทนุต่างชาติยังคงเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยในเดือนนี้ยังคงซื้อสุทธิที่ระดับ 7.73 พันล้านบาท ขณะท่ีต้ังแต่ต้นปีซื้อไปแล้วกว่า 8.50 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ เรายังคงชอบหุ้นใน 1.) กลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, CRC, HMPRO, GLOBAL) ที่ยังมีความน่าสนใจในเชิง Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ 2.) กลุ่ม AMC (BAM, CHAYO และ JMT) ท่ีคาดแนวโน้มการ JV กับธนาคาร พาณิชย์คาดจะหนุนทิศทางผลกำไรในปีนี้เติบโตโดดเด่น 3.) กลุ่มขนส่ง (BTS และ BEM) คาดผลการดำเนินงานมี แนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ หลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปแล้ว คาดผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้  อีกทั้งเราเร่ิมกลับมาชอบหุ้นใน 4.) กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ TTB) อีกครั้ง หลังราคาที่ปรับตัวลงกดดัน Forward P/B ลงเหลือเพียง 0.68 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ที่ระดับ 0.71 เท่า ขณะท่ี Forward EPS ของหุ้นในกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในระยะสั้น ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 46.29 คาดมีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มธนาคารได้

ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่วาอุดีอาระเบียอนุญาตให้นำเข้าไก่จากประเทศไทยได้ จาก 11 โรงงานของไทย คาดจะเป็นปัจจัยเชิงบวกหุ้นแรงเก็งกำไรระยะสั้นต่อหุ้นส่งออกเนื้อไก่ (CPF, GFPT และ TFG)

อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำติดตามสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในประเทศ พร้อมท้ังการกลายพันธุ์ของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ใหม่ในฮ่องกง (BA.2.2) ที่เริ่มพบในอังกฤษแล้ว คาดอาจส่งผลให้เห็นแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล (BCH, BDMS, BH และ CHG) ได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “GFPT”

เก็งกาไร 12.60 / 12.40 Target 13.50 / 14.20 Stop <12.10

- Advertisement -