บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) -11.2%

Close Mar 14, 2022 Price (THB) 214.00

12M Target (THB) 190.00

Previous Target (THB) 205.00

What’s new?

  • บริษัทฯ รายงานกำไรปกติ 4Q64 ที่ 860 ล้านบาท (-10.4% QoQ, -10.1% YoY) โดยได้รับแรงกดดันจากราคาต้นทุนวัตถุดิบ
  • ราคาน้ำมันปาล์มและราคาแป้งสาลีที่อยู่ในระดับสูงยังเป็นปัจจัยกดดัน GPM ต่อเนื่องในปี 2565

Our view

  • เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565/66 ราว 7-8% เป็น 3.5 พันล้านบาท (-0.2% YoY) และ 3.8 พันล้านบาท (+8.8% YoY) ตามลำดับ
  • คงคำแนะนำ “TRADING” แต่ปรับลดราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 เป็น 190 บาท
  • ระยะสั้นหุ้นยังไม่น่าสนใจ แต่หากบริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มราคาขายและต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง เรามองเป็นบวก  เราประเมินหุ้นได้ที่ราว +/-250.00 บาทต่อหุ้น

THAI PRESIDENT FOODS ต้นทุนกดดันกำไร แต่หากได้ปรับขึ้นราคาถือว่าเกินคุ้ม

กำไรปกติ 4Q64 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ

บริษัทฯรายงานกำไรปกติ 4Q64 ที่ 860 ล้านบาท (-10.4% QoQ, -10.1% YoY) โดยสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 1) รายได้ใน 4Q64 ปรับเพิ่มขึ้น +12.7% YoY มาอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท 2) อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 32.3% ลดลงจาก 4Q63 ที่ระดับ 36.2% และจาก 35.5% ใน 3Q64 เป็นผลมาจากปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ 3) สัดส่วนยอดขายสินค้า Premium ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คิดเป็นสัดส่วนราว 8.9% ของยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใน 4Q64 ลดลงจาก 9.2% ใน 3Q64 และ 4) ค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 995 ล้านบาท (+10.4% YoY) เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งในการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น

ภาพรวมเศรษฐกิจ 2565 เผชิญกับความท้าทาย

สภาพัฒน์รายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 4Q64 ที่ +1.9% (+210bps QoQ, +610bps YoY) และ ประจำปี 2564 ที่ +1.6% (+780bps YoY) ในปี 2565 สภาพัฒน์คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจที่ปี 2565 ในช่วง +3.5%-4.5% YoY จากการฟื้นตัวการบริโภคในประเทศ

ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคถูกกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ประจำเดือนก.พ. 65 อยู่ที่ 43.3 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 44.8 จุด เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2  จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และปัญหาสินค้ามีราคาแพง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายงานยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเดือนม.ค. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.9%YoY

ปี 2565 ได้รับแรงกดดันจาก GPM เนื่องจากต้นทุนราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น

เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565/66 ราว 7-8% เป็น 3.5 พันล้านบาท (-0.2% YoY) และ 3.8 พันล้านบาท (+8.8% YoY) ตามลำดับ เราคาดการณ์รายได้ในปี 2565/66 ที่ 2.56 หมื่นล้านบาท (+4.5%YoY) และ 2.64 หมื่นล้านบาท (+3.3% YoY) ตามลำดับ ได้แรงหนุนจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะที่ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบหลักอย่างเช่น ราคาน้ำมันปาล์มและราคาแป้งสาลีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง  เราจึงปรับลดสมมติฐาน GPM สำหรับปี 2565/66 เป็น 30.3% และ 31.8% ตามลำดับ จากเดิมที่ 32.2% และ 34% ภายใต้สมมติฐานบริษัทฯ ต้องแบกรับต้นทุนและไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้

คงคําแนะนํา TRADING และปรับลดราคาเหมาะสมเป็น 190 บาท

เราคงคำแนะนำ TRADING แต่ปรับลดราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 เป็น 190 บาท โดยประเมินมูลค่าอิง -1.5SD ของ P/E หุ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในภูมิภาคที่ 17.9 เท่า เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของราคาต้นทุนวัตถุดิบ และสภาพคล่องที่ต่ำ อย่างไรก็ดี หากบริษัทสามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ เรามองเป็นบวกในระยะยาว เนื่องจากสินค้าจะขายในราคาใหม่ต่อเนื่องได้ในระยะถัดไป เราประเมินกรณีที่ได้ปรับขึ้นราคาและต้นทุนวัตถุดิบค่อยๆ ปรับลงเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าบริษัทฯ มีโอกาสกลับไปทำ GPM ในระดับสูงที่เคยทำได้หรือราว 36-37% ที่ระดับดังกล่าวจะคิดเป็นราคาเหมาะสมที่ราว 250.00 บาทต่อหุ้น

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงราคาต้นทุนวัตถุดิบ 2) ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวแรงผิดคาด 3) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และ 4) การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

- Advertisement -