WORLD ยื่นคำขอกลับเข้ามาเทรดในตลาด mai อีกครั้ง หลังทีมผู้บริหารชุดใหม่ ภายใต้การนำของ “ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์” ลุยฟื้นกิจการจนฐานะทางการเงินกลับมาแกร่ง มีกำไรย้อนหลัง 3 ปีต่อเนื่อง มีส่วนผู้ถือหุ้นเกิน 50 ล้านบาท อยู่ภายใต้ทีมผู้บริหารกลุ่มเดียวกันเป็นเวลากว่า 6 ปี มั่นใจคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ พร้อมกลับเข้ามาเทรดอีกครั้ง

 

รศ.ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WORLD เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ยื่นคำขอพ้นเหตุเพิกถอนและกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 และทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งการรับพิจารณาคำขอพ้นเหตุเพิกถอนและกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 โดยบริษัทอยู่ภายใต้การบริหารงานจัดการของผู้บริหารส่วนใหญ่กลุ่มเดียวกันมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่เริ่มธุรกิจมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562-64 มีกำสุทธิต่อเนื่อง โดยในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 57.22 ล้านบาท ปี 2563 กำไรสุทธิ 33.80 ล้านบาท และปี 2564 กำไรสุทธิ 37.34 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทีมผู้บริหารชุดใหม่ของบริษัทมีความมุ่งมั่นพลิกฟื้นธุรกิจของบริษัทให้กลับมาแข็งแกร่ง เพื่อกลับเข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง ตามคุณสมบัติที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด ทั้งในส่วนของผู้ถือหุ้น (ภายหลังปรับปรุงความเห็นผู้สอบบัญชี) ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่จำนวน 1,851.22 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีจำนวน 1,888.56 ล้านบาท บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติที่เกิดจากธุรกิจหลักภายใต้การจัดการของผู้บริหารส่วนใหญ่กลุ่มเดียวกันมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ

ขณะที่ผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานต่อเนื่องในส่วนของบริษัทใหญ่ 37.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 13.27 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 1,299.57 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการนิคมอุตสาหกรรมภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง จำนวน 1,241.53 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนพบว่า รายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 1,044.38 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 529.72 เนื่องจากปีก่อนมีพื้นที่ขายในโซนอุตสาหกรรมน้อยกว่าปีนี้ค่อนข้างมาก ทำให้รายได้น้อยกว่าปีนี้ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 79 ของพื้นที่ในโซนอุตสาหกรรม

ส่วนกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 กลุ่มคือ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบของที่ดินเปล่า บ้าน วิลล่า คอนโดมิเนียม โรงแรม เพื่อจำหน่ายและให้เช่า รวมถึงการให้บริการในการบริหารนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในรูปแบบของที่ดินเปล่า โกดังสินค้า โรงงาน อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ เพื่อจำหน่าย และให้เช่า รวมถึงการให้บริการด้านสาธารณูปโภค พลังงาน ที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรม  ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจโรงพยาบาลและบริการด้านสุขภาพ จำหน่ายเครื่องมือแพทย์ (ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้)

*****

- Advertisement -