Daily Strategy
เมื่อคืนที่ผ่านมา ภาพรวมยังดูผ่อนคลายจากภาวะสงคราม ต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับฐานลงมาต่ำกว่า ระดับ 100$/BBL ปิดที่ 99.91$/BBL รับแรงกดดันจากประกาศ Lock Down เมืองเซินเจิ้น ส่งผลให้อุปสงค์จะลดลง รวมถึงความคาดหวังการเจรจารอบที่ 4 ระหว่าง ยูเครน – รัสเซีย โดยการเจรจาดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิงและถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากยูเครน (ปัจจุบันกำลังพูดคุย) ขณะเดียวกัน NATO ก็ได้ระบุว่าไม่มีแผนที่จะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ใกล้ชายแดนรัสเซีย ยิ่งส่งผลให้สถานการณ์ผ่อนคลายยิ่งขึ้นไป สอดคล้องกับราคาทองคำที่ยังปรับฐานลงต่อเนื่อง เมื่อคืนปิดลบ 1.59% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 2 และ 10 ปียังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง ด้าน Dow Jones ปิดบวก 1.8% นักลงทุนกลับมามองว่าการที่ราคาน้ำมันดิบปรับฐานจะเป็นปัจจัยช่วยให้เงินเฟ้อคลี่คลายได้ โดยเมื่อคืนกลุ่ม Tech ใน Dow Jones กลับมาปรับขึ้นเด่นอีกครั้ง (Microsoft +3.9% , Apple +3%) โดยเช้านี้ Nikkei แกว่งแดนบวกอยู่ราวๆ 0.9% จึงเชื่อว่าจะส่งผลเชิงบวกมายัง SET INDEX ในวันนี้ประเมินกรอบ 1645 – 1655
สำหรับการปรับฐานเมื่อวานราว 0.95% ของ SET มองว่าเป็นเพียงจิตวิทยาเชิงลบจากการปรับฐานลงมาของตลาด หุ้นจีนและฮ่องกงที่ปรับฐานแรง 4.9% และ 5.7% ตามลำดับ หลังจากเผชิญหลากหลายปัจจัยลบ อาทิ สถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ในจีนจนต้อง Lock Down ขณะที่ฮ่องกงก็เผชิญการระบาดเช่นกัน ส่งผลต่อ Downside ผลประกอบการ ขณะที่ถัดมามีความกังวลเพิ่มเติมจากการที่สหรัฐจะนำหุ้นจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯในสหัรฐ
นอกจากนี้ยังกังวลไปถึงการคว่ำบาตรจีนจากชาติตะวันตก หลังชาติตะวันตกประเมินว่าจีนไม่ได้ประนามและคว่ำบาตรรัสเซียต่อกรณีการใช้กำลังทหารในยูเครน ส่วนในเชิงพื้นฐานคงต้องติดตามว่า เศรษฐกิจจีนจะเผชิญปัญหาหรือไม่ เพราะไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปจีนค่อนข้างสูงราว 1 ใน 3 อันดับแรก เบื้องต้นอาจกระทบจิตวิทยาต่อหุ้นที่มีรายได้ในจีน อาทิ (CBG NER TKN) ขณะที่ปัจจัยติดตามเป็นการประชุม FED ที่จะทราบผลอย่างเป็นทางการในเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย ตลาดคาดที่ประชุมขึ้นดอกเบี้ยทันที 0.25% และดอกเบี้ยทั้งปี 2022 ตลาดเชื่อว่าจะอยู่ที่ 1.75% เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเลือกกลุ่ม Anti Oil อาทิ (SCGP SCC TOA) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) รวมถึง Domestic ที่ผลกระทบจากต่างประเทศจำกัด อาทิ ค้าปลีก (BJC GLOBAL) ธนาคาร (BBL KBANK SCB) ร้านอาหาร (M MINT) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) โรงพยาบาล (BCH CHG)
SCC (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 445 บาท) คาดถึงภาพรวมเชิงบวกในปี 2022 จากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวในธุรกิจซีเมนต์และ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) และบรรจุภัณฑ์หลังคลายล็อกดาวน์ บวกกับราคาเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับฐานจะหนุนให้ต้นทุนลดลงเป็นบวกต่อกำไรขั้นต้น
TOA (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 32 บาท) อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทมีความสัมพันธ์ตรงกันข้ามกับราคาน้ำมันที่สูง กล่าวคือ หากราคาน้ำมันยิ่งปรับฐานจะยิ่งส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้น ดังนั้นบริษัทจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ค่อนข้างสูงเมื่อราคาน้ำมันปรับฐาน