Daily Focus
Value and Domestic Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงแรกก่อนที่จะเริ่มมีแรงเทขายในช่วงก่อนพักเบรคเที่ยง โดยท้ายสุดดัชนีปิดลบ 15.79 จุด ณ สิ้นวัน ภาพรวมยังได้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่น้ำมันดิบที่ปรับลงแรงกดดันกลุ่มพลังงาน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ.และ 954 ลบ. (ต่างชาติ Short SET50 Index Futures อีกเล็กน้อย 4.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,640-1,655 จุด ระยะสั้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำยังถูกกดดันจากน้ำมันดิบที่ร่วงแรง ส่วนปัจจัยหลักที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ผลการประชุม FED ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25% และต้องจับตาการปรับประมาณการเศรษฐกิจรวม ผลกระทบของสงคราม และการคว่ำบาตรรัสเซีย สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยจาก Dot Plot และถ้อยแถลงของประธาน FED โดยเฉพาะเงื่อนเวลาในการเริ่มลดขนาดงบดุล ส่วนการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครนล่าสุด ยูเครนระบุว่ามีความขัดแย้งในการเจรจา และยังยากที่จะบรรลุข้อตกลง ทําให้ยังคงเป็นปัจจัย Overhang การปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงชะลอตัว เรายังมองว่าปัจจัยในประเทศมีความแข็งแรงมากกว่า โดยศบค.จะประชุม 18 มี.ค. เพื่อผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาคธุรกิจบันเทิงและท่องเที่ยว เราจึงยังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น Value และ Domestic Play ซึ่งจะยังสามารถปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด กลุ่มที่ชอบยังคงเป็นธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจํากัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท
- ระยะสั้นคาดกําไร 1Q22 เร่งตัวขึ้นเบื้องต้นคาด +24% Q-Q, +35% Y-Y จากการเร่งผลิตเพื่อเตรียมเข้า High Season ใน 2Q22 ซึ่งปกติจะเป็นไตรมาสที่สูงสุดของปี
- ภาพรวมทั้งปี 2022 สดใสกว่าปีก่อน ทั้งการฟื้นตัวหลัง COVID-19 การออกสินค้าใหม่มากขึ้น ทั้ง CBD และ Carbonate Drink รวมถึงรับรู้รายได้ OEM ขณะที่ตลาดต่างประเทศอย่างอินโดนีเซียเติบโตต่อเนื่อง เราคาดกําไรปีนี้ +18% Y-Y
- แนวรับ 10.70-10.50 บาท แนวต้าน 11.20-11.30//12 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคและเร่งตัวขึ้นเป็น US$2,573 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,938 ล้าน และ US$576 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกบางๆประเทศละ US$13-28 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก และรอดูผลการประชุม FED คืนนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มการแพทย์ คาดว่าจะยังคงเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด และเป็นแหล่งพักเงินที่ดีท่ามกลางความผันผวนและไม่แน่นอนของสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน การคว่ำบาตรของชาติตะวันตก รวมถึงนโยบายการเงินของ FED ที่ตึงตัวขึ้น โดยธุรกิจโรงพยาบาลไม่ถูกกระทบจากปัญหาดังกล่าว จำนวนผู้ป่วยไทยและต่างชาติฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระยะสั้นได้แรงหนุนจากผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เร่งขึ้น หนุนกำไร 1Q22 กลับมาเติบโตเด่น Q-Q และ Y-Y เราชอบ PR9 CHG BDMS BCH
(+) EA เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปี 2022 ทั้งจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ลม และแดด เดิมที่เป็นฐานหลัก และคาดเริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกของธุรกิจ EVs และ Battery ที่เป็น New S-Cruve ชัดเจนขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะ E-Bus ที่ได้เปรียบด้านต้นทุนและภาษี เทียบกับการนำเข้าและมีแผนส่งมอบไม่ต่ำกว่า 500 คันในปีนี้ ประมาณการของ FSSIA คาดกําไรปี 2022-2023 +78% Y-Y และ +27% Y-Y ตามลำดับ ส่วนราคาเป้าหมาย จาก FSSIA ยังคงอยู่ที่ 122 บาท แนะนำ “ซื้อ” (กรรมการ (มีอำนาจลงนาม)/ กรรมการ ผู้อำนวยการ กรรมการบริหารและกำกับความเสี่ยง ของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบของ EA)
(+) TWPC เราคาดกำไร 1Q22 จะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง และเป็นจุดสูงสุดของปีจาก Peak Season ของธุรกิจที่ผลผลิตหัวมันออกสู่ตลาดมาก ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นได้ และประโยชน์จาก Economy of Scale แม้กำไรในไตรมาสถัดๆไปจะชะลอลงจากปัจจัยฤดูกาล แต่ภาพทั้งปีคาดกําไรยังโตแกร่ง +19% Y-Y จากความต้องการแป้งมันที่ยังสูง และเป็นสินค้าทดแทนแป้งข้าวโพดและข้าวสาลี เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 8 บาท โดย Rerate PER ขึ้นให้ใกล้เคียงปี 2017-2018 ที่ราคาแป้งมันใกล้เคียงปัจจุบัน แนะนํา “เก็งกำไร”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 599.10 จุด หรือ 1.82% ปิดที่ 33,544.34 จุด เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังจากเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ. M-M ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 0.9% หลังจากเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.2% และราคาน้ำมันลดลงเป็นระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่รอติดตามผลการประชุมของเฟด ซึ่งแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากการปรับลงของหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นเพื่อควบคุม COVID-19
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ท่ามกลางรอติดตามผลประชุมเฟด
(0) ค่าเงินบาท แกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 6.57 ดอลลาร์ หรือ 6.4% ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อควบคุม COVID-19 ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้ เวลา 21.30 น. ตามเวลาไทย
(-) ราคาทองคํา COMEX ลดลง 31.1 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 1,929.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางความคาดหวังการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,061.82 / -2.33