UAC ปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน ประกาศเพิ่มสัดส่วนธุรกิจด้านพลังงาน พร้อมขยายการตลาดในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้งไปยังอุตสาหกรรมอื่นเพิ่ม ทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี พลังงานและเคมีภัณฑ์ หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลการดำเนินงาน พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2,000 ล้านบาท มี  EBITDA มากกว่า 420 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลงทุนในแหล่งปิโตรเลียม คาดสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 500 บาร์เรลต่อวัน เผยหลังเข้าดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ เริ่มทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป คาดมีรายราว 300 ล้านบาทต่อปี

 

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า แผนงานในปีนี้ บริษัทวางยุทธ์ศาสตร์ทางธุรกิจ เพื่อการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ควบคู่ไปกับการการเร่งขยายการตลาดในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้งไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้น อาทิ โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี พลังงานและเคมีภัณฑ์ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมทั้งยังมองหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กำลังพัฒนา อาทิ สารปรับปรุงดิน โรงไฟฟ้า การเข้าเป็นที่ปรึกษากับพันธมิตรในด้านโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ

ทั้งนี้ จากกลยุทธ์ดังกล่าวข้างต้น บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2565 แตะระดับ 2,000 ล้านบาท อีกทั้งยังตั้งเป้ารักษาระดับอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า  420 ล้านบาทของรายได้ยอดขายรวม

ล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงในสัญญารับโอนสิทธิสัญญาสัมปทานปิโตรเลียม กับกรมเชื้อเพลังธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เพื่อเข้าลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 และ L11/43 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นจะมีการเข้าสำรวจปริมาณปิโตรเลียมสำรองในพื้นที่สัมปทานดังกล่าว เพื่อต้องการทราบปริมาณปิโตรเลียมที่ชัดเจนได้ในไตรมาส 2/65 นี้

“ปัจจุบันแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 300 บาร์เรลต่อวัน และคาดว่า ภายหลังการเข้าลงทุนแล้วจะสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 500 บาร์เรลต่อวัน ดังนั้น หลังจากบริษัทเข้ามาดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี อ้างอิงจากราคาน้ำมันดิบและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ณ ปัจจุบัน”

ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ EV Charging Station ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC และพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ในปี 2565 จะดำเนินการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า ในรูปแบบชาร์จไฟแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC EV Quick Charger) ที่มีขนาดสูงสุดถึง 200 KW เฟสแรก จำนวน 4 สถานี 12 หัวจ่าย

นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน ขนาด 3 MW จังหวัดขอนแก่น ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้หญ้าเนเปียร์เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากแก๊สชีวภาพ คาดว่า พร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 2/65 นี้  และมั่นใจว่า โครงการภูผาม่านจะเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานแห่งแรกที่สามารถจ่ายไฟเข้าระบบได้

***********

- Advertisement -