KS Daily View 17.03.2022 >>> ผลประชุม Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps ตามคาด ส่วนพัฒนาการรัสเซีย-ยูเครนเริ่มผ่อนคลายหนุนตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นเอเซียคาดยังฟื้นต่อในวันนี้ แต่ประเมินขึ้นมาเป็นจังหวะ Take Profit / SET คาด 1675 -1680 หุ้นแนะนำ PSL BGRIM
ตลาดต่างประเทศ : ผลการประชุม Fed KS ประเมินส่วนใหญ่ ตามคาด (Inline) ตามที่เคยประเมิน โดย
ประเด็นที่ 1. อัตราดอกเบี้ยนโยบาย : Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยฯตามคาดที่ 25 bps มาอยู่ที่ 0.5% โดย Dot plot เผย Fed จะมีการขึ้นอีก 6 ครั้งๆละ 25 bps และขึ้น 3-4 ครั้งในปี 2565 – 2566 และปี 2567 คาดคงดอกเบี้ยฯ ทำให้อัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 2565 – 2567 จะอยู่ที่ราว 1.9%, 2.8%, 2.8% ตามลำดับ และ Fed ปรับลดคาด GDP Growth สหรัฐปี 2565 ลงเหลือ 2.8% จากเดิมคาด 4% สอดคล้องกับมุมมอง KS ก่อนหน้าที่คาด Fed จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน เพื่อให้มีช่องว่างในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณชี้ว่าเศรษฐกิจโลกและสหรัฐมีโอกาสจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น โดยตลาดคาดโอกาสที่จะเกิดมากสุดคือ ยุโรป Probability สูงถึง 50%, ฝั่งสหรัฐ Probability 33% และหากพิจารณา Indicator คือ 10-7 Year Treasury Yield Spread ล่าสุด ติดลบ , ส่วน 10-2 Year Treasury Yield Spread ล่าสุด อยู่ที่ 27bps ใกล้ 0 หรือ มีแนวโน้มลง โดยรวมบ่งชี้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย (Recession)เพิ่มขึ้น KS แนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Global Play ทั้งกลุ่มพลังงาน และ กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
ประเด็นที่ 2. แผนการลดสภาพคล่อง QT (Quantitative Tightening) คาดจะเริ่มในการประชุมครั้งถัดไป 3-4 พ.ค. รอรายละเอียดใน Fed Minutes รอบถัดไป)
โดยทั้ง 2 ประเด็นของ Fed ดังกล่าวเป็นไปตามคาด KS ประเมินระยะสั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทยในรอบนี้มีโอกาสปรับขึ้นต่อ แต่คำแนะนำคือ ขึ้นมาแนะนำให้ขายทำกำไร โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มปิโตรเคมี และประเมินในช่วง 2Q65 ความผันผวนตลาดหุ้นโลก และ SET index จะสูง เนื่องจากมีโอกาสที่เงินจะไหลออกตามทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐขาขึ้น และทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่า บวกต่อหุ้นส่งออก (แนะนำหุ้นส่งออก ASIAN, TU) โดยกลยุทธการลงทุนในช่วงนี้แนะนำ เก็งกำไรในกลุ่มที่ราคาปรับฐานลงมา และอยู่โซนล่าง มี Valuation น่าสนใจ หลักๆ คือ เน้นไปที่กลุ่ม Domestic อาทิ กลุ่ม Finance (THANI, TIDLOR, AEONTS, BAM)กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF), กลุ่มเครื่องดื่ม (OSP) และกลุ่ม Anti Commodity อาทิ (SCGP, EPG, GPSC, BGRIM)
มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1675 -1680 หุ้นแนะนำ PSL, BGRIM
Top pick :
PSL (ราคาพื้นฐาน 24.8 บาท) ราคาหุ้น PSL ปรับฐาน 32% จากระดับสูงสุดที่ 25 บาท/หุ้น ซึ่งได้สะท้อนผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ที่อ่อนแอแล้ว รวมถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของ TC rate จะเป็นปัจจัยหนุนหลักของการดีดตัวขึ้น อ้างอิงจาก MD&A ของ PSL เรือที่ถูกควบคุมอยู่ในในไนจีเรียจะได้รับการปล่อยออกมาในไม่ช้านี้ตามคำสั่งของศาลสูงประเทศไนจีเรีย โดยทางบริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนการขอใบอนุญาตเดินทางออกจากกองทัพเรือไนจีเรียและหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
BGRIM (ราคาพื้นฐาน 61.0 บาท) ราคาหุ้นปรับฐานลงตอบรับข่าวลบไปมากแล้ว เรื่องราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจะกระทบต้นทุน และมีปัจจัยหนุนผลประกอบการในปี 2565 จากการขยายกำลังการผลิตที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญในระยะยาว ขณะที่ผู้บริหารตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิตทั้งโครงการที่สร้างเสร็จ (brownfield project) และโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จ (greenfield project) ในปี 2565 รวมทั้งกำลังศึกษาโครงการในต่างประเทศอีกหลายโครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในมาเลเซียและฟาร์มกังหันลมในเกาหลีและเวียดนาม
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนเดือน ก.พ. คาด +0.9% MoM และ +5.8% YoY ตัวเลข Core inflation ของยูโรโซน เดือน ก.พ. คาด +2.7% YoY การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ คาดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. เป็น 0.75% ถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde ตัวเลข Housing starts ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +2% MoM เป็น 1.683M ตัวเลข Building permits ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด -1.5% MoM เป็น 1.85M ตัวเลข Philadelphia Fed Manufacturing index เดือน มี.ค. คาด 15 จุด (-6.25%) ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์คาด +2.2 แสนคน และตัวเลข Industrial production ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.6% MoM และ +4.3% YoY
วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ของไทยในเดือน ก.พ. ตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น เดือน ก.พ. คาด +0.2% MoM และ +0.7% YoY การประชุมธนาคารกลางของญี่ปุ่น (BoJ) คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% การประชุมของธนาคารกลางรัสเซียคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 20% และตัวเลข Oil rig counts รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ (ล่าสุด +8 แท่นเป็น 527 แท่น)