บล.พาย:
SHR: คาดฟื้นตัวเร็วในปี 2022
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ขณะที่ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้น 25% เป็น 4.50 บาท ถึง 1x PBV’22E เพื่อสะท้อนภาพรวมของสถานการณ์โควิด-19 ที่ปรับดีขึ้น
- ราว 98% ของกิจการโรงแรมของบริษัทได้กลับมาดำเนินการแล้วในช่วงปลายปีก่อน พัฒนาการดังกล่าวบวกกับการกลับมาเปิดพรมแดนจะกลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรที่สำคัญตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป
- อุปสงค์ชาวต่างชาติในมัลดีฟส์และไทยมีทิศทางที่โตขึ้นมาตั้งแต่ 2Q21 และยังโตต่อเนื่องใน 1Q22 หลังมีการ กลับมาเปิดประเทศ โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร (UK) และมัลดีฟส์ คาดกำไรฟื้นตัวแข็งแกร่งตั้งแต่ 2Q22 เป็นต้นไป ด้วยแรงหนุนจากปัจจัยตามฤดูกาล
- คาดกำไรพลิกเป็นบวกในปี 2022 และฟื้นจากขาดทุน 2 ปีด้วยอานิสงส์จาก 1) กิจการใน UK และมัลดีฟส์ที่ แข็งแกร่ง 2) ฟิจิกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2021 และ 3) ไทยใช้มาตรการ travel bubble และผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดลงมากขึ้น
พร้อมให้บริการ
- สัดส่วนพอร์ต 90% ของบริษัทคือกิจการโรงแรมใน UK และมัลดีฟส์ ซึ่งฟื้นตัวแข็งแกร่งในปี 2021 และคาดว่าจะมีผลงานดีขึ้นในปี 2022 หนุนเสริมให้รายได้โตต่อเนื่อง
- ผลกระทบของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่ลดลงในมัลดีฟส์ จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนจะได้รับการชดเชยจากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นใน UK
- การกลับมาเปิดพรมแดนให้คนในประเทศต่างๆ เช่น อินเดียและสิงคโปร์เดินทางเข้ามัลดีฟส์ได้จะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของกำไรในปี 2022
กรอบเวลาการฟื้นตัว
- 1Q22 กิจการในมัลดีฟส์จะมีอัตราการเข้าพักและกำไรที่ดีขึ้น ขณะที่ส่วนอื่นยังเป็นตัวฉุดรั้ งเพราะเผชิญกับช่วง low season และมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง
- 2Q22 คาดไทยและพอร์ตกิจการในที่อื่นทั้งหมดจะมีอัตราการเข้าพักที่ดีขึ้น
- 3Q22 การฟื้นตัวของกิจการในไทยจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
- 4Q22 ผลงานกิจการโรงแรมโดยรวมที่ดีขึ้นจากช่วง high season ซึ่งจะทำให้ EBITDA อยู่ในแดนบวก
สรุปผลประกอบการ
- ขาดทุนสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 70 ล้านบาท เทียบขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาทใน 4Q20 และขาดทุนสุทธิ 282 ล้านบาทใน 3Q21 เป็นผลจาก EBIT ที่ต่ำจุดคุ้มทุน
- EBITDA 4Q21 ก้าวขึ้นมาอยู่ที่ 340 ล้านบาท เทียบ -22 ล้านบาทใน 4Q20 และ +253 ล้านบาทใน 3Q21 หนุนจากกิจการโรงแรมโดยรวมที่ฟื้นตัวขึ้น
- การเติบโต QoQ ได้แรงหนุนจากผลงานของ Crossroads เฟส 1 ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง จากการเข้าสู่ฤดูกาลการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์
- ขาดทุนสุทธิทั้งปี 2021 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท เทียบขาดทุนสุทธิ 2.4 พันล้านบาทในปี 2020 หนุนจากผลงานใน UK และมัลดีฟส์ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ทำให้อัตราการเข้าพักเพิ่มเป็น 58% และ 49% ใน UK และมัลดีฟส์ ตามลำดับ
- ธุรกิจโรงแรมในไทย ฟิจิ และมอริเชียส ได้รับผลกระทบจากการขยายกรอบเวลาการล็อกดาวน์ และมาตรการ เคอร์ฟิว
- EBITDA ทั้งปี 2021 พลิกเป็นบวกที่ 518 ล้านบาท เทียบ -597 ล้านบาทในปี 2020 หนุนจากการฟื้นตัวใน UK และกิจการ CROSSROADS ในมัลดีฟส์
Revenue breakdown
ขณะที่ธุรกิจโรงแรมที่บริหารจัดการด้วยตัวเองจะหมายถึง กลุ่มโรงแรมที่บริษัทบริหารและดำเนินการภายใต้แบรนด์ของบริษัท ซึ่งโรงแรม Outrigger ก็ถูกรีแบรนด์ และเปลี่ยนมาเป็นโรงแรมที่บริหารจัดการด้วยตัวเองตั้งแต่เดือน ก.พ. 2021 โดยกลุ่มธุรกิจนี้คิดเป็น 10% ของรายได้รวม
สำหรับโครงการ Crossroads เฟส 1 คือ โครงการ 3 แห่งที่พัฒนาอยู่ในเอ็มบูดูลากูน มัลดีฟส์ โดยโครงการในเฟส 1 ประกอบไปด้วยโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมทราย ลากูน มัลดีฟส์ คูลิโอ คอลเลคชั่น บาย ฮิลตัน และฮาร์ดร็อคโฮเทล ซึ่งคิดเป็น 36% ของรายได้ทั้งหมด
พอร์ตกิจการใน UK ประกอบด้วยโรงแรม 28 แห่งภายใต้แบรนด์เมอร์เคียว ซึ่งคิดเป็น 54% ของรายได้รวม