Daily Focus Value and Domestic Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องตามคาด ปิดบวก 13.84 จุด ที่ระดับบริเวณ 1,680+- จุด รับผลการประชุม FED ที่ออกมาใกล้เคียงคาด สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 557 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นต่อเนื่องอีก 7.1 พันลบ. (และพลิกมา Long SET50 Index Futures สูงถึง 2.5 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways Up ขึ้นได้ต่อเนื่องในกรอบ จะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,675-1,690 จุด จากเม็ดเงินที่ยังไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง หลังปรับฐานแรงในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ไทยยังคงได้อานิสงส์จากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าหนาแน่น และเป็น Safe Haven จากผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากสงครามที่จํากัด อย่างไรก็ตาม เรามองแนวต้านสำคัญและคาดเริ่มเห็นแรงขายออกมากดดันที่ระดับ 1,700 จุด ซึ่งไม่ง่ายที่จะทะลุผ่าน โดยปัจจัย Overhang ยังอยู่ที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ เช่นเดียวกับมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก เรายังมองว่า ปัจจัยในประเทศมีความแข็งแรงและหนุนภาพการลงทุนมากกว่า โดยคาดเห็นภาครัฐทยอยผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ก่อนประกาศเป็นโรคประจำถิ่นในช่วงกลางปีนี้ จึงยังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น Value และ Domestic Play ซึ่งจะยังสามารถปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด กลุ่มที่ชอบยังคงเป็นธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจํากัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : AP
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 13 บาท
- โมเมนตัมการเติบโตปี 2022 ยังแกร่ง สะท้อนผ่านการเปิดโครงการใหม่รวม 7.8 หมื่น ลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเน้นที่แนวราบที่ยังมีแนวโน้มโตดี ปัจจุบันมี Backlog รองรับคาดการณ์รายได้แล้ว 53%
- เราคาดกําไรปี 2022 +7% Y-Y ทำ New High ต่อเนื่อง ส่วน Valuation ปัจจุบันยังถูกเทรด PER เพียง 7 เท่า และจ่ายปันผลปีละครั้ง Yield 5%
- แนวรับ 10.20-10 บาท แนวต้าน 10.60//11-11.40 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคตามคาด US$2,715 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,779 ล้าน และ US$652 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลเข้าทุกประเทศ นำโดยไทย US$215 ล้าน แนวโน้มของประกระแสเงินทุนคาดว่าว่ายังอยู่ทิศทางไหลเข้าจากเม็ดเงินที่ยังกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ศบค.ชุดใหญ่ประชุมวันนี้ จับตาประเด็นกรมควบคุมโรคเสนอพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ Test & Go และตรวจ RT-PCR เหลือเพียงครั้งเดียว เรามองว่าศบค.อาจยังไม่ตอบรับในทันที แต่มองเป็นสัญญาณบวกและคาดอนุมัติให้ระยะถัดไป เพื่อตอบรับแผนการปรับ COVID-19 ให้กลายเป็นโรคประจําถิ่นกลางปีนี้ ภาพรวมจะหนุนการ ท่องเที่ยวชัดเจนขึ้นใน 2H22 เรามองบวกระยะยาวต่อกลุ่มท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัว และหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2023 เป็นต้นไป Top Pick ของ FSSIA คือ CENTEL ราคาเป้าหมาย 45 บาท
(+) กลุ่มรับเหมาฯและอสังหาฯ ครม.เห็ฯชอบต่ออายุใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า ที่ครบอายุ 4 ปีในปีนี้ออกไปอีก 2 ปี เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มรับเหมาฯ รวมถึงเป็นบวกทางอ้อมต่อกลุ่มอสังหาฯจากปัญหาขาดแคลนแรงงานในปัจจุบันที่ผ่อนคลายลง กลุ่มรับเหมาฯเรายังเลือก CK (ราคาเป้าหมาย 26 บาท) และ STEC (ราคาเป้าหมาย 17 บาท) เป็น Top Pick ส่วนกลุ่มอสังหาฯชอบ ORI (ราคาเป้าหมาย 15 บาท) SC (ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท) AP (ราคาเป้าหมาย 13 บาท)
(+) โรงไฟฟ้า SPP ที่ประชุม กกพ. วานนี้มีมติให้ปรับขึ้นค่า Ft สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. เป็น 4 บาทต่อหน่วย (ปรับขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย) สะท้อนต้นทุนค่าเชื้อเพลิง โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่พุ่งจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จากประมาณการของ กกพ. พบว่าต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทำให้ค่า Ft เดือน พ.ค.-ส.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 1.2991 บาทต่อหน่วย แต่ค่า Ft งวดนี้ปรับขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดอีก 69.61 สตางค์ต่อหน่วยในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. และ 84.71 สตางค์ต่อหน่วยในรอบ ม.ค.- เม.ย. 2023 ส่งผลให้อัตรากําไรของโรงไฟฟ้า SPP สูงขึ้นทันที โดยคาดว่ากำไรของ BGRIM จะเพิ่มมากสุดกว่า 1 พันลบ.ในรอบ 1 ปีข้างหน้า ส่วน GPSC กำไรเพิ่มราว 1 พันลบ. GULF เพิ่มขึ้น 400 ลบ.
(+) ONEE เรามองเป็น Content Provider ที่โดดเด่นที่สุดของไทยจากความหลากหลาย รวมถึงคุณภาพของรายการ ทำให้มีโอกาสที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ผ่าน Streaming Platform ต่างๆ เราคาดกำไรปี 2022 จะกลับมาเติบโตโดดเด่น +22% Y-Y ตามเศรษฐกิจและเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว ขณะที่ Valuation ยังมี Discount เทียบกับคู่แข่งในกลุ่มฯ โดยปัจจุบันเทรด PER 27 เท่า ในขณะที่ BEC เทรดกว่า 30 เท่า ประเมินราคาเป้าหมาย 14 บาท เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 417.66 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 34,480.76 จุด หลังมีรายงานว่ารัสเซียชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์แล้ววานนี้ ทำให้รัสเซียรอดจากการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงหนุนจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด และการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐลดลง 15,000 ตำแหน่ง เป็น 214,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 220,000 ราย
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด ท่ามกลางติดตามการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้นเล็กน้อย ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางติดตามธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในเช้านี้
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 7.94 ดอลลาร์ หรือ 8.35% ปิดที่ 102.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก IEA ออกรายงานเดือนภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมัน จากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
(+) ราคาทองคํา COMEX เพิ่มขึ้น 34 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 1,943.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,073.44 / +2.91