Daily Focus
Value and Domestic Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways หลังปรับตัวขึ้นดี 2 วันก่อนหน้า โดยปิดลบเล็กน้อย 3.25 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 198 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.2 พันลบ.โดยมีผลจาก FTSE Rebalance ลดน้ำหนักหุ้นไทย (สถานะใน SET50 Index Futures ไม่มีนัยยะ)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,670-1,685 จุด โดยไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น กลุ่มพลังงานต้นน้ำคาดพยุงตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่กลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง ขณะที่สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงดำเนินต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มให้น้ำหนักความกังวลกับประเด็นดังกล่าวลดลงในระยะสั้น แต่หากสถานการณ์ลากยาวต่อเนื่อง คาดกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป ส่วนปัจจัยในประเทศดูผ่อนคลายมากกว่า หลังล่าสุดศบค.ยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าไทย และคาดทยอยคลายมาตรการอย่างต่อเนื่องก่อนประกาศ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่นกลางปีนี้ จึงยังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น Value และ Domestic Play ที่คาดยังสามารถปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด กลุ่มที่ชอบยังคงเป็นธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : M
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 62 บาท
- ระยะสั้นกำไร 1Q22 จะทรงถึงปรับขึ้น Q-Q เป็นราว 400-450 ลบ.จาก SSSG ที่บวกแรงทุกแบรนด์ ส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น ชดเชยได้จากการปรับขึ้นราคาอาหาร ทำให้ Gross Margin คาดยังทรงตัวได้
- ประเด็นต้นทุนยังต้องติดตาม มีโอกาสปรับขึ้นราคาเพิ่มเติมหากราคาวัตถุดิบปรับขึ้นต่อเนื่อง จากไม่ได้ล็อคราคาในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการฟื้นตัวยังแข็งแรงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ค่อนข้างปกติในปัจจุบัน เราคาดกำไรปี 2022 โตแรงเป็น 2.2 พัน ลบ.จากฐานปีก่อน และขึ้นเป็น 2.5 พันลบ.ในปี 2023 ใกล้เคียงก่อน COVID-19
- แนวรับ 53-52.50 บาท แนวต้าน 54.50//56-57 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคบางๆ US$157 ล้าน นำโดยไทย US$67 ล้าน จาก FTSE Rebalnce ที่ลดน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม ยังไหลเข้าอินโดนีเซียเล็กน้อย US$5 ล้าน แนวโน้มของประกระแสเงินทุนคาดเบาบางโดยขาดปัจจัยบวกใหม่ แต่ยังมองว่าเม็ดเงินยังไหลเข้าอาเซียนชัดเจนกว่าเอเชียตะวันออก
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ศบค.ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม ทั้งการปรับเพิ่มจังหวัดสีเหลืองเป็น 47 จังหวัด ส่วนประเด็นสําคัญคือการปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าประเทศแบบ Test & Go โดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 22 ซึ่งทำให้สะดวกในการเดินทางมากขึ้น เป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวระยะยาว โดยเฉพาะ 2H22 เช่นเดียวกับกลุ่มนิคมฯ รวมถึงกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการจับจ่ายใช้สอย ได้แก่ ค้าปลีก ร้านอาหาร อสังหาฯ หุ้นที่เราชอบได้แก่ CENTEL SHR CPALL AU M ORI
(0) DOD ระยะสั้นคาดกำไร 1Q22 อาจทำได้ทรงตัว Q-Q และลดลงราว -36% Y-Y จากคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหญ่ที่ยังค่อนไปในทางทรงตัว ส่วนรายได้อาหารเสริมจากน้ำมันเมล็ดกัญชงยังค่อนข้างน้อย ล่าสุดได้รับวัตถุดิบช่อดอกกัญชง และเข้าสู่กระบวนการสกัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างขออนุญาตอย. สำหรับอาหารเสริมเจลแคปซูลที่มีส่วนผสมของ CBD กัญชง หากได้รับอนุญาต คาดจะส่งมอบให้ลูกค้ารายใหญ่ได้ใน เม.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่รวมกัญชงไว้ในประมาณการของเรา เพราะจนถึงปัจจุบัน รายได้ยังดูค่อนข้างน้อย และยังไม่เห็นพัฒนาการของตลาดปลายน้ำที่ชัดเจน (ติดเรื่องต้นทุนสูง คาด Crop ถัดไปจะทยอยลดลง) จึงยังคงราคาเป้าหมาย 12 บาท แนะนำ “เก็งกําไร”
(+) TH เป็น Holding company ที่หันมารุกธุรกิจบริหารหนี้เสีย (AMC) ตั้งแต่ปลายปี 2021 ภายใต้บริษัท THAM ชดเชยธุรกิจหนังสือพิมพ์ภาษาจีนที่ถูก disrupt ปี 2021 THAM ประมูลหนี้ไม่มีหลักประกันกว่า 3 พันลบ. และเริ่มรับรู้รายได้ใน 4Q21 เป็นไตรมาสแรก และวางแผนนำ THAM เข้าตลาดฯในอีก 2-3 ปี บริษัทตั้งเป้าประมูลหนี้ปีละ 6 พันลบ.ใน 3 ปีข้างหน้า (1Q22 ประมูลได้แล้ว 1 พันลบ.) ด้วยตลาด NPL ที่จะเพิ่มขึ้น จึงไม่เป็นปัญหา กรณีที่บริษัทประมูลหนี้ได้ปีละ 6 พันลบ. คาด THAM มีรายได้ปีนี้ 436 ลบ. คาด Net margin 65% ทำให้ทั้งกลุ่มมีกำไร 326 ลบ. +240% Y-Y และ +48% Y-Y ในปี 2023 หรือโตเฉลี่ย +37% CAGR ในปี 2022-24 ประเมินราคาเป้าหมาย 5.10 บาท แนะนํา “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 274.17 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 34,754.93 จุด หลังจากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนสิ้นสุดลง
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ท่ามกลางติดตามการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางรอติดตามธนาคารกลางจีนกําหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ในเช้านี้ และกดดันจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทําการวันนี้เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางความกังวลด้านอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังจากรัสเซียถูกคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 13.9 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,929.3 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,082.44 / +9.0