KS Daily View 21.03.2022 >>> ตลาดหุ้นโลกและไทยระยะสั้นโอกาสปรับขึ้นยังมี แต่ระยะยาวประเมินยังไม่ใช่ขาขึ้น โดยสัปดาห์นี้รอติดตามประธาน Fed หลายสาขาแถลง, พัฒนาการสงครามรัสเซีย ยูเครน, ตัวเลขส่งออกนำเข้าของไทย /SET คาด 1680 -1690 หุ้นแนะนำ TIDLOR CBG
ตลาดต่างประเทศ : KS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก (ตลาดหุ้นสหรัฐขึ้น 4 วันติด, ตลาดหุ้นยุโรปสัปดาห์ที่แล้วเริ่มแกว่งตัวออกข้าง หลังจากขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า และตลาดหุ้นเอเซีย อาทิ จีนขึ้น 3 วันติด รวมถึง SET Index ที่ปรับขึ้นมาติดต่อกันรวม 80 จุดนับตั้งแต่วัน 8 มี.ค.) ประเมินว่าโอกาสในการปรับขึ้นยังมี แต่ Upside จำกัด คาดตลาดหุ้นโลกและไทยจะไม่เป็นขาขึ้นในยาว คำแนะนำระยะสั้นยังคงเดิมคือ คือ หุ้นที่ขึ้นมาให้ขายทำกำไร โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มปิโตรเคมี ฯลฯ
เหตุผลที่ KS เชื่อตลาดหุ้นรอบนี้จะไม่ปรับขึ้นได้ยาว เนื่องจากหากประเมิน Factor ทางพื้นฐานต่างๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัจจัยบวกทำให้ตลาดหุ้นกลับเป็นขาขึ้นในยาว
แต่ปัจจัยลบที่อาจจะกดดันตลาดหุ้นดูเหมือนว่าจะมีน้ำหนักมากขึ้น อาทิ
1.) ภาวะความเสี่ยงจะเกิดเศรษฐกิจชะลอตัว (Recession) และภาวะ Stagflation (คือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อสูง) ผลจากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน คาดว่ามีโอกาสยืดเยื้อ ประเมินจากสถานการณ์นานาประเทศมีโอกาสที่จะคว่ำบาตร หรือ Sanction ต่อรัสเซียต่อไป ตัวอย่างคล้ายๆกับ Trade war สหรัฐกับจีน ปัจจุบันยังถูกคว่ำบาตร กดกันกำลังซื้อ การลงทุน ภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก
2.) สถานการณ์ Covid ในเอเซียที่กลับมาเพิ่มขึ้นสูงในช่วงเดือน มี.ค. อาทิ จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง กระทบต่อการเปิดเมือง เปิดประเทศ ในระยะสั้น แต่หากยืดเยื้อจะเป็น Downside ต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก
3.) ธนาคารกลางสหรัฐ Fed เผยจะมีการขึ้นอีก 6 ครั้งๆละ 25 bps และขึ้น 3-4 ครั้งในปี 2565 – 2566 และแผนการลดสภาพคล่อง QT (Quantitative Tightening) คาดจะเริ่มในการประชุมครั้งถัดไป 3-4 พ.ค. KS ประเมินมีโอกาสที่เงินจะไหลออกจากประเทศฝั่งเอเซียไปตามทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐขาขึ้น และทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่ากดดัน Funflow ไหลออก
ตลาดในประเทศ : ปัจจัยที่อาจกดดันการปรับขึ้นของ SET Index คือ การทยอยปรับลดประมาณการ GDP ปี 2565 ล่าสุด ธปท. เตรียมหั่น GDP ลงเดิมคาดว่าจะโต 3.4% ในการประชุม กนง. วันที่ 30 มี.ค. 65 จากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากที่คาดการณ์ว่าจะมีเข้ามา 5.6 ล้านคน ประเมินจะเป็น sentiment เชิงลบต่อกลุ่ม Domestic play ได้แก่ กลุ่มธนาคาร อสังหาฯ ค้าปลีก และท่องเที่ยว
กลยุทธ์การลงทุน : ภาวะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกทำให้ตลาดหุ้นกลับเป็นขาขึ้นในยาว แต่ปัจจัยลบเริ่มมีเข้ากดดันตลาดหุ้น คำแนะนำการเพิ่ม/ลดน้ำหนักพอร์ตการลงทุน ให้ติดตามการปรับขึ้น/ลงของ 10-2 Year Treasury Yield Spread ซึ่งเป็น Indicator KS ให้น้ำหนักล่าสุด อยู่ที่ 21 bps ลงจากกลางสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 26 bps ยิ่งเข้าใกล้ 0 แนะนำทยอยลดน้ำหนักหุ้นในพอร์ต หมายถึงโอกาสเกิด recession มากขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่ม Tech จะเป็นที่พักเงิน (ทั้งฝั่งสหรัฐ และฮ่องกง)
ผลต่อตลาดหุ้นไทย KS ประเมินระยะถัดไป SET Index มีโอกาส Underperform แต่หุ้นกลุ่ม Growth มีโอกาส Outperform โดยคำแนะนำลงทุน Trading ในช่วงนี้ 1.) กลุ่ม Tech Consult อาทิ BBIK BE8 2.) กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF SSP ส่วนคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ BUY&Hold กลุ่มการเงิน (TIDLOR ASK THANI AEONTS BAM) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG OSP)
มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1680 -1690 หุ้นแนะนำ TIDLOR CBG
Top pick :
TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 52.0 บาท) เราปรับคำแนะนำต่อกลุ่มการเงินเป็น “บวก” จากเดิมที่เป็น “กลาง” จาก 1) มูลค่าหุ้นที่น่าดึงดูดใจมากขึ้น 2) ความสามารถในการรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในปี 2565 3) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่ลดลง เราชอบกลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถเป็นหลักประกัน>สินเชื่อรถบรรทุก>บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล> AMC หุ้นเด่นของเราคือ TIDLOR
CBG (ราคาพื้นฐาน 111.0 บาท) เราประเมินยอดขายฟื้นตัวในไตรมาส 1/2565 และทั้งปี 2565 หลักๆ จะมาจาก การกลับมาเติบโตในเวียดนาม เมียนมา อังกฤษ และจีน และประเมินแนวโน้ม GPM ดีขึ้นจาก ASP ทีสูงขึ้น รวมถึงได้ Sentiment บวกจากราคาอลูมิเนียมที่ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่, แนวโน้ม FarmIncome ที่ปรับขึ้นและปี 2565 ไทยเข้าสู่หน้าร้อนเร็วกว่าทุกปี
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย Loan Prime Rate 1 ปี ของจีนคาดคงไว้ที่ 3.7% ดัชนี PPI ของเยอรมัน เดือน ก.พ. คาด +1.7% MoM และ +26.2% YoY ถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde, Fed Bostic, และ Fed Chair Powell
- วันอังคาร ติดตามถ้อยแถลงของ Fed Williams, Fed Mester, และ Fed Daly
- วันพุธ ติดตามตัวเลขส่งออกและนำเข้าของไทยเดือน ก.พ. คาด +11.1% YoY และ +19.4% YoY ตามลำดับ ขณะที่คาดว่าไทยจะขาดดุลการค้าเดือน ก.พ. จำนวน 1.68 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษเดือน ก.พ. คาด +0.6% MoM และ +5.9% YoY ตัวเลข New Home Sales เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ คาด +1.1% YoY เป็น 0.81M ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของ Fed Daly
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของเยอรมัน เดือน มี.ค. คาด 55 จุด (-5.8% MoM) ตัวเลข Markit Service PMI Flash ของเยอรมัน เดือน มี.ค. คาด 54.3 จุด (-2.7% MoM) ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของยูโรโซน เดือน มี.ค. คาด 56 จุด (-3.8% MoM) ตัวเลข Markit Service PMI Flash ของยูโรโซน เดือน มี.ค. คาด 54.1 จุด (-2.5% MoM) ตัวเลข Durable Goods Orders เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ คาด -0.5% MoM ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.พ. ของสหรัฐ คาดขาดดุล US$2.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด +2.08 แสนคน ตัวเลข Markit Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด 55.8 จุด (-2.6% MoM) ตัวเลข Markit Service PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด 56.0 จุด (-0.9% MoM) ถ้อยแถลงของ Fed Waller, Fed Evans, และ Fed Bostic
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ของไทยเดือน ก.พ. ตัวเลข Retail sales ของอังกฤษเดือน ก.พ. คาด +0.8% MoM และ +8% YoY ตัวเลข Ifo Business Climate ของเยอรมันเดือน มี.ค. คาด 94 จุด (-4.9% MoM) ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment Final เดือน มี.ค. คาด 59.7 จุด (-4.9% MoM) ตัวเลข Pending Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด -3% MoM และ -11%YoY ถ้อยแถลงของ Fed Williams และ Fed Barkin