บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (maintain)

TP upside (downside) 10.6%

Close Mar 22, 2022 Price (THB) 2.26

12M Target (THB) 2.50

Previous Target (THB) 2.52

What’s new?

  • คาดผลประกอบการ 1Q65 เติบโต YoY และมีโอกาสเติบโต QoQ จากการโอนโครงการใหม่บางส่วน กอปร.บริษัทมีการตั้งสำรองคดีฟ้องร้อง และการแบ่งขาดทุนจาก LHFG ใน 4Q64
  • Presale 2M65 อยู่ที่ 1.4 พันลบ. เติบโต 20% YoY จากการเปิดตัว 1 โครงการใหม่ มูลค่า 2.7 พันลบ. ในเดือน ม.ค. 2565

Our view

  • ปรับประมาณการปี 2565/66 ลง 16.7% และ 16.1% เป็น 2.2 พันลบ. และ 2.6 พันลบ. ตามลำดับ
  • คงคำแนะนำ “TRADING” ราคาเหมาะสม สิ้นปี 2565 ที่ 2.50 บาท/หุ้น ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 2H64 ที่ 0.07 บาท/หุ้น (XD 28 เม.ย. 2565) คิดเป็น Dividend Yield 3.1%

QUALITY HOUSES 2565 กำไรเริ่มฟื้นตัวจากฐานต่ำ

แผนปี 2565 ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ

บริษัทประกาศแผนการดำเนินงานปี 2565 ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมมูลค่า 9.5 พันลบ. (+273.2% YoY) โดยเป็นการเปิดโครงการใหม่ในทุกระดับราคา ได้แก่ แบรนด์พฤกษ์ภิรมย์ (มากกว่า 20 ลบ.) ลัดดารมย์ (8-9 ลบ.) และน้อยกว่า 6 ลบ. ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน บริษัทตั้งเป้า Presale ปี 2565 ที่ 9.2 พันลบ. (+22.7% YoY) ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบที่ 8.3 พันลบ. และโครงการแนวสูง 920 ลบ.

ทั้งนี้ Presale 2M65 อยู่ที่ 1.4 พันลบ. เติบโต 20% YoY และคิดเป็น 15% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัท ปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY มาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการในช่วง ม.ค. 2565 คือ Prukpirom New Ratchaphruek (มูลค่า 2.7 พันลบ.) มียอดขายแล้ว 300 ลบ.

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 คาดเติบโต YoY และลุ้นเติบโต QoQ

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 คาดเบื้องต้นที่ระดับราว 450-550 ลบ. เติบโต 4% – 28% YoY จากการโอนกรรมสิทธิ์บางส่วนในโครงการ Prukpirom New Ratchaphruek ใน 1Q65 และ GPM ที่คาดจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 28.5% ใน 1Q64 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี และมีโอกาสเติบโต QoQ จาก 1) บริษัทมีการแบ่งขาดทุนจาก LHFG 51 ลบ. ใน 4Q64 เพราะ LHFG มีการตั้งสำรองสูงถึง 1.5 พันลบ. ในไตรมาสดังกล่าว จากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน (เทียบกับการตั้งสำรองเฉลี่ย 600 ลบ./ไตรมาส ในช่วง 9M64) เราคาดจะกลับมามีส่วนแบ่งกำไรใกล้เคียงระดับปกติได้ใน 1Q65 และ 2) ใน 4Q64 บริษัทมีการตั้งสำรองค่าเพื่อผลเสียหายจากคดีฟ้องร้อง และสำรองด้อยค่ามูลค่าโครงการ รวมประมาณ 80 ลบ. และคาดจะไม่มีการตั้งเพิ่มเติมใน 1Q65

ปรับประมาณการปี 2565/66 ลงเป็น 2.2 พันลบ. และ 2.6 พันลบ. ตามลำดับ

เราปรับประมาณการปี 2565/66 ลง 16.7% เป็น 2.2 พันลบ. (+33.9% YoY) และ 16.1% เป็น 2.6 พันลบ. (+16.5% YoY) ตามลำดับ แม้กำไรในปี 2565 คาดเพิ่มขึ้นถึง 33.9% YoY แต่เป็นการเพิ่มขึ้นหลังจากปรับตัวลดลง 3 ปีติดต่อกัน และยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิด Covid-19 (ปี 2562) อยู่ 21.7%

การปรับประมาณการปี 2565 ลง สาเหตุหลักมาจาก 1) ปรับรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ลง 4.1% เป็น 8.7 พันลบ. (+15.3% YoY) ใกล้เคียงกับเป้าโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัทที่ 9.0 พันลบ. และ 2) ปรับส่วนแบ่งกำไรลง 12.2% เป็น 1.7 พันลบ. อย่างไรก็ตาม แม้มีการปรับสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรลง แต่ที่ระดับ 1.7 พันลบ. เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 23.2% YoY

ประมาณการส่วนแบ่งกำไรของเราหลักๆ ประกอบด้วย 1) ส่วนแบ่งกำไรจาก Hmpro คาดที่ 1.3 พันลบ. เติบโต 17.2% YoY จาก SSSG ที่ผู้บริหารตั้งเป้าเติบโต 5-7%, แผนขยายสาขาใหม่ 7 สาขาในปีนี้ และส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง และ 2) ส่วนแบ่งกำไรจาก LHFG คาดที่ 260 ลบ. เติบโตราว 50% YoY จากฐานต่ำในปีก่อนที่มีการตั้งสำรองช่วงโควิดสายพันธ์โอมิครอนระบาด

สำหรับธุรกิจโรงแรม คาดฟื้นตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ส่งผลให้ปีนี้จะกดดัน GPM รวม ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเราเริ่มเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวใน 4Q64 ที่มีกำไรขั้นต้นเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส นอกจากนี้ Occupancy rate ในช่วง 2M65 อยู่ที่ราว 45% +/- ดีขึ้น YoY

คงคำแนะนำ “TRADING” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 2.50 บาท/หุ้น

เรามีมุมมองบวกต่อ GPM จากการขายในปี 2565 คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 1ppt +/- เนื่องจาก 1) ในปี 2564 บริษัทมีการเร่งระบายสต๊อกจนทำให้ Inventory สิ้นปี 2564 ลดลง 5.7 พันลบ. เหลือ 3.8 หมื่นลบ. (เป็นแนวราบ 2.6 หมื่นลบ.) และ 2) แผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 ที่เป็นโครงการระดับบนถึง 3 โครงการ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรที่คาดฟื้นตัวในปี 2565 ยังต่ำกว่าปี 2562 อย่างมีนัยสำคัญ

คงคำแนะนำ Trading ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 2.50 บาท/หุ้น (อิงวิธี SOTP) นอกจากนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H64 ที่ 0.07 บาท/หุ้น (XD 28 เม.ย. 2565) คิดเป็น Dividend Yield 3.1%

- Advertisement -