บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Thanapiriya PCL (TNP.BK/TNP TB) เป็นจังหวะซื้อสะสม

Event

อัพเดตแนวโน้มของบริษัท และประมาณการ 1065

Impact

SSSG ติดลบในไตรมาสแรกจากฐานที่สูง

ฐาน SSSG ของ TNP ใน 1Q64 สูงถึง +25% เนื่องจากมีมาตรการกระตุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นมาใน 1Q65 แต่ขนาดของมาตรการยังเล็กกว่าเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่เงินเฟ้อซึ่งเร่งตัวขึ้น (5.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565) อาจจะฉุดให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ทั้งนี้ แม้ว่า TNP จะจัดอยู่ในหมวดอาหาร แต่ครอบคลุมแต่เพียงอาหารแห้งเท่านั้น ซึ่งมีความยืดหยุ่นต่อราคาสูงกว่าอาหารสด ดังนั้น เราจึงคาดว่า SSSG ของ TNP จะลดลงเหลือ -12% YoY ใน 1Q65 เราไม่คิดว่าบริษัทจะเปิดร้านใหม่ใน 1Q65 ดังนั้นจำนวนสาขาร้านจึงยังอยู่เท่าเดิมที่ 38 ร้าน

คาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q65 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

เราคาดว่า TNP จะเกิดการประหยัดต่อขนาดใน 1Q65F ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 17% (+0.8ppts YoY, -0.4ppts QoQ) ในขณะที่ต้นทุน logistic ที่เพิ่มขึ้นอาจจะทำให้ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น และทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายใน 1Q65F อยู่ที่ 8.8% (จาก 7.3% ใน 1Q64 และ 8.3% ใน 4Q64) เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TNP ใน 1Q65F จะอยู่ที่ 50 ล้านบาท (-13% YoY, -17% QoQ) คิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

เป็นจังหวะดีที่จะเข้าซื้อสะสม

ถึงแม้ว่าผลประกอบการของ TNP อาจจะดูไม่ค่อยน่าสนใจในไตรมาสแรกเพราะฐานที่สูงใน 1Q64 และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย (เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น) อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าช่วงนี้เป็นจังหวะดีที่จะเข้าซื้อสะสม เราคาดว่ายอดขายของ TNP จะเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาร้าน (ประมาณ 5-6 ร้านต่อปี) ซึ่งจะช่วยให้ margin ของบริษัทเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากสถานะที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของบริษัทในขณะที่ยังอยู่ในช่วงของการเติบโต เราจึงคาดว่ากำไรของ TNP จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2565F-2566F โดยคาดว่าจะโต 13%-16% YoY ตามลำดับ

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TNP โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 7.00 บาท อิงจาก PER ที่ 26.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต +0.5 S.D.)

Risks

ภัยธรรมชาติ, การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, การบริหารสินค้าคงคลัง, การดำเนินงานสะดุด, disruption จาก เทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้าน และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ

- Advertisement -