บล.พาย:

BBL:เติบโตอย่างมีคุณภาพ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 162 บาท อิงวิธีคำนวณแบบ Gordon Growth Model (ROE 6.6% อัตรา การเติบโตที่ 2%) อิง 0.6x PBV’22E หรือ -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี คำแนะนำซื้อ สะท้อนการเติบโตของกำไรที่มั่นคง งบดุลที่ยืดหยุ่น และมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง

  • ด้วยการที่ธนาคารมุ่งเน้นสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อระหว่างประเทศ จึงคาดว่าธนาคารจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่ง ท่ามกลางช่วงที่หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น กอปรกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
  • คาดกำไรสุทธิโตต่อเนื่องในปี 2022-23 หนุนจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น
  • คาดกำไรสุทธิ 1Q22 โต 13% YoY (+24% QoQ) แตะ 7.85 พันล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น และการคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ดี
  • ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่เพียง 0.5x PBV’22E หรือ -1SD ต่อค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่คาดถึงอัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าดึงดูดระดับ 4.3%-5.4% ในปี 2022-24

ภาพการเติบโตที่มั่นคง

  • รายได้การดำเนินงานมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องในปี 2022-23 หนุนจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง (อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่สูงขึ้น และอัตราส่วนเงินกองทุนวันที่ 1 (tier 1 ratio) ที่แข็งแกร่ง) เมื่อเทียบกับความไม่แน่นอน ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ปรับดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์กลุ่มสินเชื่อให้สูงขึ้นได้
  • คาดกำไรสุทธิของธนาคารจะโตขึ้น 20% YoY ในปี 2022 และ 10% YoY ในปี 2023 หนุนจากการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลงต่อเนื่องและรายได้การดำเนินงานที่สูงขึ้น

งบดุลที่ยืดหยุ่น

  • ธนาคารมุ่งเน้นกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และระหว่างประเทศ เชื่อว่าธนาคารจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่ง  ท่ามกลางช่วงที่มีความไม่แน่นอนจากหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
  • ในด้านปัจจัยพื้นฐานทางธนาคารก็ได้ตั้งสำรองหนี้ฯ ที่เพียงพอต่อเหตุการณ์ความไม่แน่นอน ทั้งนี้ ธนาคารมีอัตรา การตั้งสำรองหนี้ฯ ที่สูงถึง 225% ใน 4Q21 หรือสูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ทำการวิเคราะห์อยู่

ประเด็นการเติบโตยังคงเดิม

  • คาดกำไรสุทธิ 1Q22 ที่ 7.85 พันล้านบาท โตขึ้น 13%YoY (+24% QoQ) การเติบโตในเชิง YoY จะได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นจากสินเชื่อที่โตขึ้น (+7.6% YoY) ส่วนในเชิง QoQ แม้คาดถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง แต่ประเมินว่ากำไรสุทธิจะโตขึ้น 24% QoQ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลง
  • การเติบโตของสินเชื่อในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ลดลง 14% จากเดือน ธ.ค. 2021 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการชำระหนี้ของลูกค้าบางราย คาดสินเชื่อทั้งหมดใน 1Q22 จะลดลง 1.5% QoQ แต่ก็ยังคาดว่าอุปสงค์ต่อสินเชื่อจะโตขึ้นในไตรมาสถัดไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่ยังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อทั้งปี 2022 ที่ 5% YoY
  • คาดอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) จะทรงตัว QoQ ที่ 2.1% ขณะที่คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะลดลงเหลือ 50.7% ใน 1Q22 (4Q21: 54.6%) จากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลง
  • คาดอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.3% ใน 1Q22 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานสินเชื่อที่ลดลงของธนาคาร ขณะที่คาดว่าอัตราการตั้งสำรองหนี้ฯ จะยังอยู่ในระดับสูงที่ 217% เพื่อเป็นกันชนต่อเหตุการณ์ความไม่แน่นอน

หุ้นที่คุ้มค่า

  • ปัจจุบัน BBL ซื้อขายกันที่ 0.5× PBV’22E หรือ -1.0SD ต่อค่าเฉลี่ยในอดีต
  • แม้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของธนาคารได้ปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังซื้อขายกันที่ส่วนลด 50% ของมูลค่าทางบัญชีของธนาคารในปี 2022

ยิ่ง ROE สูงขึ้น P/BV ก็สมควรปรับสูงขึ้น

  • ด้วยแนวโน้มการเติบโตของ ROE และกำไรที่สูงขึ้นในปี 2022-23 หุ้น BBL จึงสมควรซื้อขายกันด้วยราคาที่สูงกว่านี้
  • ค่าสหสัมพันธ์ระหว่าง ROE และ P/BV อยู่ที่ 91.7% (2011-2021)

Revenue breakdown

รายได้ของธนาคารมาจาก

(1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 82% ของรายได้รวมของธนาคารในปี 2021 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิถือเป็นรายได้หลัก หากการเติบโตของสินเชื่อของธนาคารและ NIM สูง รายได้นี้จะเติบโตสูงไปด้วย

(2) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 22% ของรายได้รวมในปี 2021 โดยรายได้จากส่วนนี้ประกอบด้วยรายได้ค่าธรรมเนียมในการจัดการสินทรัพย์ และค่าธรรมเนียมวาณิชธนกิจ

(3) รายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ 17% ของรายได้รวมในปี 2021 โดยรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการลงทุน การซื้อขาย และกิจกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และรายได้เงินปันผล

 

- Advertisement -