บล.ทรีนีตี้

UAC GLOBAL – ยูเอซี โกลบอล (UAC)

UAC รายงานกำไรอ่อนตัว ผลกระทบต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

  • ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6 บาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าธุรกิจเดิมที่ 5.40 บาท อิง PER เฉลี่ย 15 เท่า และธุรกิจน้ำมันอีก 0.60 บาท (WACC 10%, No Terminal value)
  • UAC รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 55 ล้านบาท -50% YoY, -6% QoQ รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 336 ล้านบาท +23% YoY, -20% QoQ เพิ่มขึ้น YoY จากการฟื้นตัวหลัง COVID-19 ในขณะที่ลดลง QoQ มีลูกค้าโรงกลั่นและโรงปิโตรเคมีบางแห่งหยุดซ่อมบำรุง
  • Gross Margin ใน 4Q64 ปรับลดลงเหลือ 11% จาก 3Q64 ที่ 15% เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบด้านเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นมาเป็น 69 ล้านบาท +16% YoY, +43% QoQ มีการรับรู้การด้อยค่าจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 12 ล้านบาท
  • ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม Equity Income (บางจากไบโอฟูเอล “BBF”) อยู่ที่ 65 ล้านบาท -48% YoY, +51% QoQ ตามราคา Crude Palm Oil (CPO) +29% YoY , +24% QoQ แต่ที่ส่วนแบ่งกำไรลดลง YoY เนื่องด้วยในปี 4Q63 ราคา CPO ปรับขึ้น จาก 3Q63 กว่า 66% ในขณะที่ต้นทุนปาล์มอยู่ในระดับต่ำเพราะมี lag time ของต้นทุนประมาณ 1 เดือน
  • เราปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลดลงเล็กน้อยเหลือ 238 ล้านบาท ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นสำหรับปี 2566 ประเมินกำไรที่ 258 ล้านบาท จากกำไรเพิ่มขึ้นจากแหล่งสัมปทานน้ำมัน

Result review:

UAC รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 55 ล้านบาท -50% YoY, -6% QoQ ผลการดำเนินงานที่สำคัญมีดังนี้

1. รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 336 ล้านบาท +23% YoY, -20% QoQ โดยปรับดีขึ้น Yoy จากกลุ่มลูกค้าโรงงานปิโตรเคมีและโรงกลั่นซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทเริ่มกลับมามี Operating rate ที่ระดับปกติ ในขณะที่ลดลง QoQ เนื่องด้วยลูกค้าโรงกลั่นและโรงปิโตรเคมีบางแห่งหยุดซ่อมบำรุง

2. Gross Margin ใน 4Q64 ปรับลดลงเหลือ 11% จาก 3Q64 ที่ 15% เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบด้านเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นมาเป็น 69 ล้านบาท +16% YoY, +43% QoQ มีการรับรู้การด้อยค่าจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 12 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการรับผลขาดทุนของบริษัท PPWE (บริษัทร่วมทุนกับ QTC)

4. ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม Equity Income (บางจากไบโอฟูเอล “BBF”) อยู่ที่ 65 ล้านบาท -48% YoY, +51% QoQ ตามราคา Crude Palm Oil (CPO) เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 44 บาท/กก +29% YoY, +24% QoQ แต่ที่ส่วนแบ่งกำไรลดลง YoY เนื่องด้วยในปี 4Q63 ราคา CPO ปรับขึ้นจาก 3Q63 กว่า 66% ในขณะที่ต้นทุนปาล์มอยู่ในระดับต่ำ เพราะมี lag time ของต้นทุนประมาณ 1 เดือน

ปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลงลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่สูงขึ้น

เราปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลดลงเล็กน้อยเหลือ 238 ล้านบาท จาก 1) ปรับ Margin ลงจาก 20% หรือ 17% จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเคมีที่มีต้นทุนสูงขึ้น และ 2) ปรับเพิ่มส่วนแบ่งกำไรจาก BBF เพิ่มขึ้นเป็น 220 ล้านบาท จากแนวโน้มราคา CPO ที่อยู่ในระดับสูง สำหรับปี 2566 ประเมินกำไรที่ 258 ล้านบาท จากกำไรเพิ่มขึ้นจากแหล่งสัมปทานน้ำมัน

ปรับราคาเป้าขึ้นเป็น 6.00 บาท

ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6 บาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าธุรกิจเดิมที่ 5.40 บาท อิง PER เฉลี่ย 15 เท่า และธุรกิจน้ำมันอีก 0.60 บาท (WACC 10%, No Terminal value)

ความเสี่ยง ความเสี่ยงจาก lock down, นโยบายภาครัฐ และความผันผวนของค่าเงินบาท

แนวโน้มผลส่วนแบ่งกำไรจาก BBF มี upside ราคาปาล์มสูงสุดในรอบ 20 ปี

แนวโน้มราคาปาล์มและ CPO ในประเทศยังอยู่ในระดับที่สูง และเฉลี่ยปี 2565 อาจจะสูงกว่าปี 2564 ด้วย supply disruption จากผลผลิตปาล์มทั่วโลกลดลง โดยปีที่ผ่านมา ผลผลิตปาล์มของอินโดนีเซียและมาเลเซียผู้ผลิตปาล์มรายใหญ่ของโลกลดลงกว่า 5% จากผลกระทบของโควิด ทำให้แรงงานขาดแคลน ไม่มีคนงานออกไปเก็บเกี่ยวผลผลิต ขณะเดียวกันต้นทุนในการปลูกปาล์มของเกษตรกรสูงขึ้นตามราคาปุ๋ย ในขณะที่ฝั่ง demand ในประเทศอาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากมาตรการของรัฐที่ปรับลดส่วนผสมน้ำมันปาล์มในน้ำมันดีเซลเหลือ 5% หรือ B5 แทนที่ B7 ซึ่งด้วยปัจจัยดังกล่าวอาจะส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งกำไรจาก BBF (UAC ถือหุ้น 30% ใน BBF) ที่ประกอบธุรกิจผลิตไบโอดีเซล หรือ B100 โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบหลัก ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 1,000,000 ลิตรต่อวัน โดยผลิตไบโอดีเซล หรือ B100 นอกจากนี้แล้ววิกฤตรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้น้ำมันดอก ทานตะวันได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะยูเครนและรัสเซียเป็น 2 ผู้ผลิตรายใหญ่ ส่งผลให้สินค้าทดแทนอย่างน้ำมันปาล์มเป็นที่ต้อการมากขึ้น ดังนั้นแล้วเราเชื่อว่าด้วยความต้องการปาล์มในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ผลผลิตน้ำมันปาล์มยังได้รับกระทบจากแรงงานในการเก็บ จะส่งผลให้ราคา CPO ในประเทศไทยจะยังอยู่ในระดับสูงและส่งผลต่อส่วนแบ่งกำไรจาก BBF ทั้งนี้เราประเมินส่วนแบ่งกำไรในปี 2565 ไว้ที่ 220 ล้านบาท

ได้แหล่งสัมปทานน้ำมันบนบก ช่วยเพิ่มกำไร 15-40 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 บริษัทได้รับโอนสิทธิสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมแปลงสำรวจบนบก หมายเลข L10/43 และ L11/43 บนเขตพื้นที่จังหวัดสุโขทัย โดยบริษัทถือสัดส่วน 70% และอายุสัมปทานสิ้นสุดปี 2576 โดยทางผู้บริหารประเมินว่า แหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 300 บาร์เรล/วัน และคาดว่าภายหลังการเข้าลงทุนแล้วจะสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 500 บาร์เรลต่อวัน ทำให้บริษัทสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี เราประเมินกำไรที่จะได้เพิ่มอยู่ราว 15-40 ล้านบาทต่อปี บนสมติฐานการผลิต 300-500 บาร์เรล/วัน ราคาน้ำมัน USD70/bbl

- Advertisement -