บมจ. ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC ประกาศแผนปี 65 ตามยุทธศาสตร์พัฒนาอย่างยั่งยืน กำหนดนโยบาย-กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ที่ครอบคลุมมิติ ESG ด้าน”ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลกเพิ่มขึ้น หวังครอบคลุม-ตอบโจทย์ตลาด ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย ท่ามกลางแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ยังไม่อ่อนตัวลง ทิ้งท้ายความแข็งแกร่งในปี 64 โกยรายได้ 1,466.03 ลบ. เติบโต 16 % และกำไรสุทธิที่ 81.5 ลบ.
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) (SELIC) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 นั้น บริษัทฯ เน้นการเติบโตในตลาดเป้าหมาย ซึ่งสะท้อนได้จากความประสบความสำเร็จจากปีที่แล้ว ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,466.03 ล้านบาท เติบโต 16% เมื่อเทียบกับปี 2563 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 81.5 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG เรื่องการปรับปรุงกระบวนการ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์กาวรักษ์โลกเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองต่อตลาดได้มากขึ้น นอกเหนือจากนี้ บริษัทฯ ยังคงร่วมมือกับหน่วยงาน และโครงการต่างๆ เพื่อช่วยกันผลักดันด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม
สำหรับแรงขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ มาจากการรักษาฐานกลุ่มเป้าหมายเดิมของภาคธุรกิจให้มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายตลาดผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงมองโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เช่น การควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมวิจัยและพัฒนาสินค้า (Research and Development หรือ R&D) โดยมองว่า R&D เป็นส่วนสำคัญในการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค เพื่อให้ธุรกิจทำกำไรได้มากขึ้น และในปีนี้บริษัทฯ จะใช้ประโยชน์จาก R&D เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น หรือ Gross Profit Margin ให้กับบริษัทฯ เช่นกัน
“ในปีนี้ยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนผลิต ท่ามกลางภาวะการปรับตัวของราคาสินค้าและวัตถุดิบที่สําคัญ รวมถึงซีลิคมีความมุ่งมั่น และพร้อมที่จะปรับตัวและสร้างวัฒนธรรมการปฏิบัติงานที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลด้านต้นทุน ส่วนแผนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ภายในองค์กร จะเน้นแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อต้นทุนและค่าใช้จ่าย โดยอาศัยการทํางานแบบ Agile ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงอย่างคล่องตัวต่อภาวะต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น นอกเหนือจากนั้นทีมงานวิจัยและพัฒนา (Research and Development หรือ R&D) จะมีบทบาทสําคัญในการต่อสู้กับความท้าทายนี้เช่นกัน” นางสาวยุวดีกล่าว