Daily Focus: Value and Domestic Play
2022SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวขึ้นได้แข็งแรงกว่าที่เราคาด สามารถปิดบวกได้ 7.50 จุด ณ สิ้นวัน ขึ้นมาทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,685-1,690 จุดอีกครั้ง หลังยูเครนระบุกำลังพิจาณราสถานะเป็นกลางทางทหาร อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางเพียง 5.7 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 736 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิหนาแน่น 3.2 พันลบ. (ต่างชาติพลิกมา Long SET50 Index Futures สูงถึง 1.8 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ทดสอบระดับ 1,690+- จุด ตามตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ที่แกว่งขึ้นได้ ประกอบกับระยะสั้นคาดมีแรงหนุนจากการทํา Window Dressing ปิดไตรมาส ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากภาพรวมยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดที่ชัดเจน ปัจจัยที่ตลาดยังติดตามคือ พัฒนาการของสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงสถานะเป็นกลางซึ่งยูเครนกำลังอยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณา อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในด้านเศรษฐกิจคาดว่าจะเห็นชัดเจนตั้งแต่เดือน มี.ค. 22 เป็นต้นไป ขณะที่เงินเฟ้อทั่วโลกยังคงเร่งตัวตามราคา Commodity ที่กระทบต้นทุนการผลิต และเสี่ยงเกิดภาวะ Stagflation รวมถึงโอกาสเกิด Inverted Yield Curve ในฝั่งสหรัฐฯเป็นตัวจํากัดการปรับขึ้นของดัชนี อย่างไรก็ตาม สําหรับไทยสถานการณ์เงินเฟ้อยังผ่อนคลายมากกว่า รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามที่น้อยกว่า ทำให้เรายังมองว่ากระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มไหลเข้าระยะยาว โดยเฉพาะภาพการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว เราจึงยังคงมุมมองบวกต่อกลุ่ม Value และ Domestic Play ซึ่งทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะ FED ที่ดึงตัวได้ดี กลุ่มที่เราชอบยังคงเป็น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : PJW
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6 บาท
- เราคาดแนวโน้มการเติบโตปี 2022 ยังสดใสทั้งธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ฟื้นตัว รวมถึงจะเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนขึ้นในการ Diversify ไปยังพลาสติกทางการแพทย์ ซึ่งแนวโน้มเติบโตดีระยะยาว และมี Margin สูง
- เราคาดว่า PJW มีศักยภาพและเตรียมรุกตลาดชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับ EVs ในเร็วๆนี้ เป็นบวกต่อการเติบโต และชดเชยการชะลอตัวของบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นได้ในระยะยาว เราคาดกําไรปี 2022-2024 +15% CAGR
- แนวรับ 5//4.88-4.82 บาท แนวต้าน 5.20-5.25//5.50 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$561 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$449 ล้านและ US$267 ล้าน ตามลำดับ คาดเกิดจากจีนที่ Lockdown เซี่ยงไฮ้ชั่วคราว ส่วนอาเซียนยังแข็งแกร่ง เม็ดเงินไหลเข้าไทยและอินโดนีเซียต่อเนื่องอีก US$95 ล้านและ US$60 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก แต่อาเซียนคาดยังไหลเข้า ตลาดจับตาพัฒนาการของสถานะ ยูเครน รวมถึง Bond Yield สหรัฐฯที่เริ่มใกล้เกิด Inverted Yield Curve
ประเด็นสําคัญวันนี้
(0) ติดตามการประชุมกนง.พรุ่งนี้ เราคาดว่ายังอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการปรับประมาณการ GDP ลงจากปัจจุบันที่คาดปี 2022 +3.4% Y-Y โดยรวมผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกไว้ในประมาณการ ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อคาดว่าจะมีการปรับขึ้น และต้องจับตาถ้อยแถลงว่าธปท. มีความกังวลมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากลากยาวอาจมีผลต่อการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2H22
(+) AOT สถิติ MTD เดือน มี.ค. 22 จำนวนเที่ยวบิน +16% Y-Y ขณะที่จำนวนผู้โดยสาร +27.9% Y-Y ยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อ งแต่ชะลอลงจากช่วงก่อนหน้าบ้าง เนื่องจากมีผลกระทบบางส่วนจากโอมิครอนที่เร่งตัว อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวใน 2Q22 จากการยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าไทย ขณะที่ 2H22 คาดเห็นศบค.ผ่อนปรนเกณฑ์อย่างต่อเนื่อง หลังประกาศเป็นโรคประจำถิ่น เราคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวอย่างมีนัยยะใน 4Q22 จาก High Season ราคาเป้าหมายจาก FSSIA อยู่ที่ 79 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
(-) PTTGC เรามีมุมมองอ่อนลงสำหรับการเติบโตในช่วงปี 2022-2024 จาก Margin ของปิโตรเคมีทั้ง Aromatic และ Olefin ที่ยังอ่อนแอ ขณะที่ต้นทุน Naphtha ปรับตัวขึ้นจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เราปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นเป็น US$100 ต่อบาร์เรลในปี 2022 และ US$90 ต่อบาร์เรลในปี 2023-2024 ส่งผลให้กำไรถูกปรับลงเป็น -7% Y-Y และ -3% Y-Y ในปี 2022-2023 ตามลำดับ เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 56 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” (Source: FSSIA)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 94.65 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 34,955.89 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้น Tesla +8% หลังมีข่าวว่า Tesla จะขอการอนุมัติในการเพิ่มจำนวนหุ้น เพื่อแตกหุ้น และจ่ายปันผลเป็นหุ้น ขณะที่นักลงทุนติดตามการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 460,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และอัตราว่างงานลดลงเป็น 3.7%
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากการปรัรบขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มปลอดภัย ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบชะลอลง ท่ามกลางติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ ยอดค้าปลีกของออสเตรเลียในเดือนก.พ.เช้านี้
(+) ค่าเงินบาทแข็ง ค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.71 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 7.94 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ 105.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 กระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีน ซึ่งเป็นประเทศนําเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 14.4 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 1,939.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,093.18 / +-