Daily Focus: Selective Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังแกว่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องตามคาด ปิดบวกอีก 8.66 จุด อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทะลุผ่านแนวต้านหลัก 1,700 จุดขึ้นไปได้ สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีกเล็กน้อย 241 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นต่อเนื่องอีก 3.3 พันลบ. (และ Long SET50 Index Futures สูงถึง 3.4 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways หลังจากปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี 3 วันติดต่อกัน เราประเมินว่าแนวต้านหลัก 1,700 จุด ไม่ง่ายที่จะทะลุผ่าน และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มลดความร้อนแรงหลัการเจรจาระหว่าง รัสเซีย-ยูเครนยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ทำให้ราคาน้ำมันดิบ และ Commodity ต่างๆยังยืนในระดับสูง ขณะที่ภาพ Spread Bond Yield สหรัฐฯอายุ 2 ปีและ 10 ปี ของสหรัฐฯ ยังคงแคบ และใกล้เกิด Inverted Yield Curve สะท้อนความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงถดถอยหากสงครามลากยาว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนปัจจัยในประเทศ ล่าสุด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 0.5% และปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ +3.2% ซึ่งดีกว่าที่ตลาดประเมิน และจะเร่งตัวในปีหน้า +4.4% สะท้อนว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเร่งตัว เราจึงยังคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่มี Valuation ไม่สูง ทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อและนโยบายการเงิน โดยเฉพาะ FED ที่จะดึงตัวเร็วได้ กลุ่มที่เราชอบยังคงเป็น ธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและ เครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนหุ้นที่ยังมี Valuation ต่ำ และยังเน้น Value และ Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : SHR
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 5.20 บาท
- การดำเนินงานในมัลดีฟท์และอังกฤษ YTD แข็งแกร่งมาก OCC rate สูงถึงกว่า 70% และ 50% ตามลำดับ ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครนคาดกระทบไม่มาก โดยนักท่องเที่ยวรัสเซียคิดเป็น 16% ของมัลดีฟท์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะชดเชยจากตลาดอื่นๆที่เติบโตได้
- เราคาด Rev Par ปี 2022 จะกลับไปเหนือกว่าช่วงก่อนมี COVID-19 หนุนการเติบโตให้เร่งตัว โดยคาดปี 2022 พลิกมีกำไร 117 ลบ. ขณะที่ปี 2023 คาด +339 Y-Y เป็น 512 ลบ.
- แนวรับ 3.54-3.50 บาท แนวต้าน 3.70//3.80 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$983 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$827 ล้าน ส่วนอาเซียนยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยเฉพาะไทยและอินโดนีเซียที่ไหลเข้าอีก US$99 ล้านและ US$42 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าจาก Dollar Index ที่อ่อนตัว ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามยังอยู่ที่พัฒนาการของสงครามและการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่ Bond Yield สหรัฐฯยังเข้าใกล้และเกิด Inverted Yield Curve มากขึ้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลยุทธ์ 2Q22 ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เราคาดว่าบรรยากาศการลงทุนและการเติบโตของเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับสงครามรัสเซีย-ยูเครนว่าจะคลี่คลายหรือยืดเยื้อ เริ่มเห็นหลายสํานักทยอยปรับลด GDP โลก สหรัฐฯ และยุโรปลง อย่างไรก็ตาม กนง.ปรับลด GDP ไทยลงแต่ยังดีกว่าตลาดคาด ทำให้ภาพรวมยังดูเติบโตแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยและลดงบดุลของ FED คาดไม่กระทบ Fund Flow ระยะยาว เนื่องจากขายหนักช่วง 4 ปีก่อนหน้าไปแล้ว ขณะที่ YTD ซื้อสุทธิกว่า 1 แสนลบ.เป็นตัวสะท้อนที่ดี อย่างไรก็ตาม ดัชนีมี Upside จำกัดเทียบกับ SET Target ที่ 1,770 จุด ทำให้ต้อง Selective มากขึ้น เราเลือก Top Pick 2Q22 ได้แก่ BCP CPALL CPN IVL JR ORI OSP SHR TTB
(+) CPN ปรับตัวขึ้นแรง 2 วันที่ผ่านมา ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อแผนธุรกิจที่ดูรุกมากขึ้น ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ระดับโลก 2-3 โครงการ ด้วยงบลงทุนปีละกว่า 2 หมื่นลบ. โครงการ Highlight คือ Central Westville ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการใน 4Q23 ขณะที่โมเมนตัมกำไรคาดฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการ Reopening และทยอยลดการให้ส่วนลดตาม Traffic ที่ดีขึ้น FSSIA คาดกำไรปี 2022 ฟื้นตัวต่อเนื่อง +18% Y-Y และ +32% Y-Y ในปี 2023 รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาการขยายตลาดในอาเซียน ราคาเป้าหมายของ FSSIA อยู่ที่ 68 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) หุ้น IPO ใหม่ CEYE ดำเนินธุรกิจผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณา บริการครอบคลุมถึงการให้บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ การให้เช่าสตูดิโอ และต่อยอดจากการผลิตงานให้สื่อดั้งเดิมสู่สื่อออนไลน์ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง บริษัทมีกระบวนการผลิตครบวงจรตั้งแต่ Pre-production, Production และ Post production เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทั้งเอเจนซี่โฆษณาและแบรนด์สินค้าต่างๆ เราคาดกําไรปี 2022 ฟื้นก้าวกระโดด +115% Y-Y หลัง COVID-19 และโตต่อเนื่อง +23% ในปี 2023 ตามอุตสาหกรรมโฆษณาและการขยายการลงทุนในอุปกรณ์การผลิตของบริษัท ประเมินราคาเป้าหมาย 4.60 บาท (Finansia อาจเป็นผู้จัดจําหน่ายฯ)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 65.38 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 35,228.81 จุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะสามารถบรรลุผล หลังมีรายงานว่ากองกำลังทหารรัสเซียได้ระดมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟเมื่อวานนี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากสถานการณ์ไม่แน่นอนในยูเครน
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน หลังกองกำลังของรัสเซียยังคงทำการโจมตีในยูเครน รวมถึงจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนมี.ค.จาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ในเช้านี้
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 3.58 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 107.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักลงทุนติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 21 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,939 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และแรงซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังไม่มั่นใจในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,091.43 / +-