บล.พาย:

SIS: หันไปเน้นเติบโตจากคลาวด์ และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์

การประชุมนักวิเคราะห์ให้ภาพเป็นบวก คาดธุรกิจคลาวด์และความปลอดภัยทางไซเบอร์จะโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า คลังสินค้าปัจจุบันพอเป็นกันชนต่อการล็อกดาวน์ของจีน และผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนไปได้อีก 4-6 เดือน คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้น 4% เป็น 52 บาท เพื่อสะท้อนภาพรวมเชิงบวกต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์อัตรากำไรสูง

  • เชื่อว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์จะหนุนให้กำไรเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 18.5% ในช่วงปี 2021-24E ด้วย CAGR สำหรับยอดขายที่ 8.6% และอัตรากำไรที่ปรับดีขึ้นเล็กน้อย ผู้บริหารยังคงมุมมองแข็งแกร่งต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์อัตรากําไรสูงในช่วง 3 ปีข้างหน้า
  • คาดกำไร 1Q22E ที่ 201 ล้านบาท (+6%QoQ, +6%YoY) หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่โตขึ้น QoQ แนะนำให้เข้าสะสมหุ้นตั้งแต่ตอนนี้ เพราะคาดว่ากำไร 1H22 จะแตะจุดต่ำสุดของปีจากปัจจัยตามฤดูกาล

กลุ่มคลาวด์และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีอัตรากำไรสูงจะหนุนการเติบโตของกำไรในช่วงปี 2021-24

กลุ่มระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ คลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ จะหนุนให้กำไรสุทธิมี CAGR 18.5% ในช่วงปี 2021-24 เชื่อว่าบริการคลาวด์ของบริษัทที่มีการร่วมมือกับ Amazon Web Services จะเอื้อให้กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ตามแนวโน้มสังคมที่มีความเป็นดิจิทัลสูงขึ้น บริษัทจัดสรรงบลงทุนสำหรับธุรกิจคลาวด์ในปีนี้ที่ 150 ล้านบาท ผู้บริหารให้ภาพรวมเชิงบวกว่าการเติบโตในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะแข็งแกร่งเหมือนในปี 2021 ทั้งนี้ บริษัทตั้งใจจับกลุ่มลูกค้าที่มากขึ้น เพราะผู้ใช้บริการคลาวด์มักแบกต้นทุนในการเลิกใช้บริการ (Switching cost) ที่สูง ซึ่งหมายความว่าการชิงส่วนแบ่งตลาดใหม่ๆ คือสิ่งที่สำคัญ

บริษัทให้บริการระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (คุณภาพระดับสูงตามมาตรฐานประเทศอื่น) กับหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จะได้อานิสงส์จากการเติบโตของกลุ่มดิจิทัลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูง

คาดกำไรปกติปี 2022 จะแตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 929 ล้านบาท

คาดกำไรต่อหุ้นปกติ (EPS) ในปี 2022 จะโต 34%YoY จากรายได้ที่โตดีขึ้น เชื่อว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์อัตรากำไรสูงอย่างคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทจะมีรายได้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยพบว่าการเติบโตของยอดขายของกลุ่มนี้ออกมาดีกว่าคาด แต่สมมติฐาน GPM ชุดเดิมของเราดูจะให้ภาพเชิงบวกเกินไปเล็กน้อย เพราะไม่ได้รวมรายการค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายส่วนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นจากการขยายกิจการเข้ามาร่วมคำนวณ

แต่ผู้บริหารเชื่อว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์จำพวกโทรศัพท์ พาณิชย์ และสินค้าผู้บริโภคจะมีการเติบโตในวงจำกัด จากสภาวะที่อิ่มตัวแล้ว ผู้บริหารจึงมีแผนที่จะหันไปเน้นกลุ่มมูลค่าเพิ่ม (ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์และดาต้าเซ็นเตอร์) และอื่นๆ แทน (คลาวด์และกล้องวงจรปิด)

พรีวิว 1Q22

  • คาดกำไรสุทธิ 1Q22 ที่ 201 ล้านบาท (+6%YoY, +6%QoQ)
  • ประเมินยอดขายที่ 8.8 พันล้านบาท (+19%YoY ทรงตัว QoQ) โดยการเติบโตในเชิง YoY คาดเป็นผลจากยอดขายมือถือที่ดีต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคทำการอัปเกรดเป็นอุปกรณ์ที่รองรับ 5G บวกกับแรงหนุนจากกลุ่มคลาวด์และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • เชื่อว่า GPM จะโตขึ้นเป็น 6.7% (+0.7 ppts QoQ) เพราะคาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์อัตรากำไรสูงจะโตต่อเนื่อง

ภาพรวมปี 2022-23

  • เชื่อว่ากำไรปกติจะโตเป็น 929 ล้านบาท (+34%YoY) ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคลาวด์  ดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • เชื่อว่ากระแสการหันมาใช้อุปกรณ์ดิจิทัลจากแรงบีบคั้นของสถานการณ์โควิด-19 จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และด้วยเทคโนโลยี 5G เริ่มทวีความสำคัญมากขึ้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น จุดนี้เองที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท

Revenue breakdown

  • สินค้าสำหรับผู้บริโภค คิดเป็น 33% ของยอดขายรวมของบริษัท ผลิตภัณฑ์ไอทีประเภทนี้รวมถึงเครื่องพิมพ์ พีซี โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ โดยมีช่องทางการจัดจําหน่ายหลัก คือ ตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่จะจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังครัวเรือนและบริษัทขนาดเล็ก
  • สินค้าเชิงพาณิชย์ เป็นผลิตภัณฑ์ไอทีทั่วไป ซึ่งขายผ่านตัวแทนจำหน่ายขององค์กรและผู้ดูแลระบบ โดยที่ลูกค้าปลายทางจะเป็นองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ กลุ่มนี้คิดเป็น 19% ของยอดขายรวม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยพีซี/เซิร์ฟเวอร์ ที่เก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และอื่นๆ
  • สินค้าโทรศัพท์ คิดเป็น 31% ของยอดขายรวมในปัจจุบัน บริษัทจำหน่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Samsung, Asus, Acer, Lenovo และ Wiko ให้แก่บริษัทค้าปลีกโทรศัพท์ต่างๆ
  • สินค้าสำหรับลูกค้าองค์กร ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้บริการก่อนการขายและบริการหลังการขาย ธุรกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ที่เก็บข้อมูลองค์กรและเซิร์ฟเวอร์ ระบบสํารองและความปลอดภัยเครือข่าย และกล้องวงจรปิด และอื่นๆ ที่ไม่จัดอยู่ในหมวดนี้ ซึ่งปัจจุบันจะรวมถึงธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง อย่าง IoT และคลาวด์

 

- Advertisement -