วันนี้กลับมาเน้นกลุ่ม Anti Oil (SCGP) สะสม M

เมื่อคืนที่ผ่านมา Dow Jones ปรับฐาน 1.56% ปัจจัยกดดันยังคงเป็นเรื่องเดิมๆ อาทิ ความตึงเครียดระหว่าง ยูเครน-รัสเซีย ล่าสุดทางรัสเซียระบุว่าหากต้องการจะซื้อแก๊สจากรัสเซีย ต้องใช้เงินรูเบิลเท่านั้น และสัญญาจะถูก ระงับหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว ขณะเดียวกัน สหรัฐยังได้รายงานเงินเฟ้อ (Core PCE) 5.4%YoY สูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี ด้านราคาน้ำมันดิบปรับฐาน 4.9% หลังสหรัฐยืนยันว่าจะระบายน้ำมันในคลังสำรองออกมาราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวระบุว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐกำลังปรับขึ้น ด้าน OPEC+ ประชุมเมื่อคืนผลคือเพิ่มกำลังการผลิต 4.3 แสนบาร์เรลต่อวัน ถือว่าสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยการเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วันของสหรัฐนั้นคิดเป็น 1.03% ปริมาณขายต่อวันของน้ำมันโลก ส่วนเช้านี้ Nikkei ปรับฐาน 1.47% โดยการปรับฐานของราคาน้ำมัน มองกลุ่ม Anti Oil รับผลบวก อาทิ (SCC SCGP TASCO TOA) ขนส่ง (KEX) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO)

SET INDEX วันนี้เสี่ยงปรับฐานลงในกรอบ 1685 – 1693 ตามบรรยากาศที่เป็นลบ โดยคืนนี้ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 4.9 แสนตำแหน่ง อัตราการว่างงานที่ 3.7% เชิงกลยุทธ์เน้นแค่ Trading เช่นเดิม เพราะ Valuation ยังแพง วันนี้กลับมาเน้น Anti Oil อาทิ (SCC SCGP TASCO TOA) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) พร้อมแนะสะสม M สําหรับระยะกลาง

SCGP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72 บาท) ประเมินภาพรวม กำไร 1Q22 ที่ยังแข็งแกร่ง QoQ จากราคากระดาษคราฟท์ที่แข็งแกร่ง หนุนจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ค่อยๆ ปรับดีขึ้น และปัจจัยตามฤดูกาลในช่วงเทศกาลตรุษจีน

M (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 61 บาท) คาดว่า M จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q22 ที่ 393 ล้านบาท (+343%YoY, -2%QoQ) หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในสามแบรนด์หลัก (MK, Yayoi และแหลมเจริญซีฟู้ด) หลังจากกลับมาให้บริการแบบรับประทานในร้าน พร้อมกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวตามอัตราการฉีด วัคซีนที่เพิ่มขึ้น

 

- Advertisement -