Our View? “พี่ปูเอาจริง”

คาดตลาดวันนี้ “อ่อนลงต่อ” มองแนวรับที่บริเวณ 1,687 / 1,677 แนวต้านที่บริเวณ 1,700 / 1,705 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ จากความกังวลผลกระทบจากการที่ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามในกฤษฎีกาการซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย จะต้องชำระเงินเป็นสกุลรูเบิลเท่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ คาดจะกระตุ้นความกังวลในความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรป (EU) ต่อรัสเซียได้เพิ่มเติม ขณะที่เยอรมนีออกประกาศใช้แผนฉุกเฉินขั้นแรก “Early warning” รับมือวิกฤตพลังงาน ซึ่งถือเป็นการเตือนในระดับนี้ใช้ เพื่อเตือนล่วงหน้าเมื่อมีสัญญาณว่าอาจเกิดภาวะที่ความต้องการก๊าซมากกว่าความสามารถในการผลิต เรามองหากความขัดแย้งดังกล่าวยืดเยื้อ คาดจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของ EU กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้

อีกทั้งเมื่อคืนนี้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) เดือน ก.พ. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.4% แม้จะใกล้เคียงคาด แต่ถือเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งตัวเลขดังกล่าวจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตยูเครน คาดส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อีกครั้ง เป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงต่อ ปิดที่ระดับ 100.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 7.54 ดอลลาร์ หรือ -6.99% หลัง ปธน.โจ ไบเดน สั่งระบายน้ำมันสํารองจากคลังสํารองทางยุทธศาสตร์ (SPR) จำนวน 180 ล้านบาร์เรล โดยจะระบายวันละ 1 ล้านบาร์เรล เป็นเวลา 6 เดือน ถือเป็นการระบายน้ำมันสำรองจาก SPR ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงได้ต่อ ขณะที่ผลการประชุม OPEC+ ยังคงเพิ่มกำลังการผลิตที่ระดับ 4.32 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ค. ขณะที่เรายังคงมุมมองราคาน้ำมันมีโอกาสอ่อนตัวลงได้ต่อเนื่องจาก

1.) แนวโน้มความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน

2.) สหภาพยุโรป (EU) จะมีแนวโน้มทยอยผ่อนคลายมาตรการกีดกันการส่งออกพลังงานของรัสเซียได้ในระยะถัดไป

3.) อุปสงค์จากจีนลดลงตามการ Lockdown

4) แนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา และอิหร่าน มองจะเป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดหุ้นไทยได้ต่อ ขณะที่เรามองว่าแนวโน้มการอ่อนตัวลงต่อเนื่องจะส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าของหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM และ GPSC) อ่อนตัวลงตาม มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

สําหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประชุม กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ระบุเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและการท่องเที่ยว อีกทั้งมองการแพร่ระบาดของ Omicron และวิกฤตยูเครนคาดไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง ขณะที่มองอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้แต่จะลดลงเข้ากรอบเป้าหมายในปีหน้า ในส่วนของการปรับลด GDP เรามองที่ประชุมปรับลดลงเพียงเล็กน้อย จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.4% ลงเหลือ 3.2% มองตลาดจะผ่อนคลายความกังวลดังกล่าว ขณะที่เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มเครื่องดื่ม (OSP, ICHI และ SAPPE) คาดจะได้ปัจจัยบวกจากปัจจัยเชิงฤดูกาล รวมทั้งแนวโน้มการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีส่วนผสมของ CBD ในช่วง 2Q65 คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่กระทรวงท่องเที่ยวเตรียมเสนอ ศบค. ปลดล็อกมาตรการเข้าประเทศ โดยยกเลิก Thailand Pass คาดเริ่มวันที่ 1 มิ.ย. คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรมปรับตัวขึ้นได้ต่อ (AOT, AWC, ERW, CENTEL และ MINT)

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “GPSC”

กลยุทธ์ แนวรับ 72.00 / 70.50 Target 76.00 / 79.50 Stop <68.50

- Advertisement -