บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +25.7%

Close Apr 5, 2022 Price (THB) 18.30

12M Target (THB) 23.00

Previous Target (THB) 26.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 1,489 ลบ. (-24.4%QoQ, -23.3%YoY) จากปัจจัยกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น  ประกอบกับค่าขนส่งทางเรือที่ยังทรงระดับสูง และคาดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก RL 50 ลบ. จากปีก่อนที่รับรู้กำไร 81 ลบ.
  • คาดแนวโน้ม 2Q65 เบื้องต้นทรงตัว QoQ และลดลง YoY แม้จะมีการปรับราคาสินค้า Own-branded ขึ้นราว 5-7% แต่ประเด็นต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อยังเป็นปัจจัยกดดันหลัก

Our view

  • เราปรับลดมุมมองต่อภาพการเติบโตของ TU ในปี 2565 แม้ว่ารายได้คาดจะทํา New High ได้ต่อ แต่ด้วยภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นกระทบ GPM และค่าขนส่งทางเรือที่ยังทรงในระดับสูงยังเป็นปัจจัยกดดัน จึงทำให้โอกาสในการปรับประมาณขึ้นน้อยลง คงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 7,854 ลบ.(-2.7%YoY)
  • ปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลงเป็น 23.00 บาท เพื่อสะท้อน อิง PER ที่ 14 เท่า จากเดิมที่ 16 เท่า เพื่อสะท้ อนภาพการเติบโตที่ลดลง คงคำแนะนำ “ซื้อ”

THAI UNION ต้นทุนสูงขึ้นทุกมิติ กระทบภาพการเติบโต

คาด 1Q65 กำไรชะลอทั้ง QoQ และ YoY

คาดรายได้ที่ 3.42 หมื่นลบ. (-10.4%QoQ, +10.8%YoY) QoQ ลดลงจากปริมาณขายที่น้อยลง เนื่องจากการเร่งสต็อกของลูกค้าช่วงปลายปี ขณะที่ YoY เติบโตได้ทุกกลุ่มธุรกิจ จากการปรับขึ้นราคาขายในส่วนของลูกค้า OEM และปริมาณขายที่สูงขึ้น โดยกลุ่มที่ปริมาณขายเติบโตสูงสุดคือกลุ่ม Petcare & Value added ส่วนกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป (Ambient) ได้อานิสงค์บางส่วนจากความขัดแย้งในยูเครน ทำให้สินค้าอาหารกระป๋องมีความต้องการสูงขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า YoY ทำให้รับรู้รายได้เป็นรูปเงินบาทสูงขึ้น คาด GPM อยู่ที่ 18.0% ปรับลงเล็กน้อยจาก 4Q64 ที่ 18.2% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทั้งในส่วนของราคาทูน่าปรับขึ้นราว 6%QoQ, 34%YoY, น้ำมันพืช และบรรจุภัณฑ์กระป๋อง แต่ชดเชยได้บางส่วนจากการปรับขึ้นราคาขายกลุ่มลูกค้า OEM, การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขณะที่ SG&A/Sales คาดสูงขึ้นอีกเป็น 13.3% จาก 13.1% ใน 4Q64 จากค่าขนส่งทางเรือที่ยังอยู่ในระดับสูง และใช้จ่ายการตลาดมากขึ้น ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมคาดที่ 35 ลบ. จากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของ Red Lobster ที่ 50 ลบ. จากปีก่อนที่รับรู้กำไร 81 ลบ. เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของ Omicron ในสหรัฐฯ ที่รุนแรงในช่วงต้นปี กระทบจำนวนลูกค้าในร้าน ขณะที่ Avanti คาดรับรู้กำไรมากขึ้นหลังการส่งออกไปสหรัฐฯ กลับมาเป็นปกติ เราคาดกำไรปกติของ TU ใน 1Q65 ที่ 1,489 ลบ. (-24.4% QOQ, -23.3% YoY)

2Q65 อาจทรงตัว QoQ แม้เริ่มรับรู้การปรับราคาขายสินค้า Own branded

เราคาดแนวโน้มกำไร 2Q65 เบื้องต้นทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อย QoQ และลดลง YoY จากแนวโน้มต้นทุนที่สูงขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าจะเริ่มรับรู้การปรับขึ้นราคาขายสินค้า Own-branded เพิ่มราว 5-7% แต่ราคาขายที่ปรับขึ้นอาจต้องแลกมาด้วยปริมาณขายที่ลดลง และหากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ จะกระทบราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนหลักในการจับปลา หนุนให้ราคาปลาทูน่ามีโอกาสปรับขึ้นต่อจากราคาเดือนมี.ค. ที่ 1,900 USD/ตัน (+15%MoM) โดยเราประเมินว่าหากราคาปลาทูน่าเฉลี่ยสูงขึ้นที่ระดับเกิน 2,000 USD/ตัน มีโอกาสที่กำไรของ TU จะชะลอ QoQ ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพทั้งปีเราเชื่อว่าด้วยแผนการปรับลดต้นทุน 3% ต่อปีของบริษัท และการปรับราคาสินค้ากลุ่ม OEM ขึ้นอีกจะช่วยชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นได้บางส่วน เราคาดว่ารายได้ของ TU จะยังทำระดับสูงสุดใหม่ และ GPM ยังยืนระดับ 17-18% ได้ แต่ด้วยกำไรที่อาจไม่ได้เติบโตอย่างเดิมที่ประเมินไว้จากความผันผวนด้านต้นทุนที่สูงขึ้น และค่าขนส่งทางเรือที่ยังทรงสูง ทำให้เราไม่ต้องปรับประมาณการขึ้น จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 7,854 ลบ. ลดลง 2.7%YoY จากฐานที่สูงในปีก่อน

ปรับราคาเป้าหมายลง แต่คงคำแนะนำ “ซื้อ”

เรามีมุมมองเป็นบวกน้อยลงต่อภาพการเติบโตของกำไรในปี 2565 จากภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นในทุกมิติ กระทบอัตราการทำกำไรของ TU เราจึงปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 23.00 บาท อิง PER ที่ 14 เท่า จากเดิมที่ 16 เท่า เพื่อสะท้อนภาพการเติบโตที่ชะลอลง และเพิ่มความระมัดระวังต่อความผันผวนด้านต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ราคาเป้าหมายใหม่มี Upside gain 25.7% สะท้อนว่าราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ที่ไม่แพง และสามารถคาดหวังเงินปันผลได้ราว 5% ต่อปี จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยสะสม ในช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัว

- Advertisement -